ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ หุ้นเทคฯ ร่วงกดดันตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 28, 2025 06:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันจันทร์ (27 ม.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเผชิญแรงกดดัน หลังจากโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต้นทุนต่ำของบริษัทดีปซีค (DeepSeek) ซึ่งเป็นสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีของจีนทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับผลประกอบการของธุรกิจ AI และความต้องการชิปราคาแพง

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 529.69 จุด ลดลง 0.38 จุด หรือ -0.07%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,906.58 จุด ลดลง 21.04 จุด หรือ -0.27%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,282.18 จุด ลดลง 112.75 จุด หรือ -0.53% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,503.71 จุด เพิ่มขึ้น 1.36 จุด หรือ +0.02%

ดัชนี STOXX 600 ลดลงมากถึง 0.8% ในช่วงเช้า โดยได้รับผลกระทบจากการเทขายหุ้นในตลาดทั่วโลก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการลงทุนใน AI และการประเมินมูลค่าในธุรกิจเทคโนโลยี หลังจากที่บริษัท DeepSeek เปิดตัวผู้ช่วย AI ฟรี ซึ่งระบุว่าใช้ชิปที่ต้นทุนต่ำกว่าและใช้ข้อมูลน้อยกว่า

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของยุโรปร่วงลง 3.4% และปรับตัวลงรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. โดยหุ้นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ชิป เอเอสเอ็มแอล (ASML) ร่วงลง 7% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน และหุ้นเอเอสเอ็ม อินเทอร์แนชันนัล (ASM International) ร่วงมากกว่า 12%

หุ้นซีเมนส์ เอเนอร์จี (Siemens Energy) และหุ้นชไนเดอร์ อิเล็กทริก (Schneider Electric) ซึ่งเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ไฟฟ้าสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI ร่วงลง 19.9% และ 9.5% ตามลำดับ และเป็นหนึ่งในหุ้นที่ปรับตัวลงมากที่สุดในดัชนี STOXX 600

การเทขายหุ้นเกิดขึ้น หลังจากดัชนี STOXX 600 แตะระดับสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และในขณะที่นักลงทุนกำลังรอผลประกอบการจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ อย่าง แอปเปิ้ล (Apple), เมตา (Meta), ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และเทสลา (Tesla) ซึ่งมีกำหนดประกาศในช่วงปลายสัปดาห์นี้

ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ยังคงสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน เนื่องจากเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 ก.พ. ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดไว้สำหรับการเปิดเผยนโยบายการค้าของเขาต่อประเทศคู่ค้าสำคัญ รวมถึงสหภาพยุโรป (EU)

ดัชนีความผันผวน STOXX 50 ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความวิตกกังวลในตลาด เพิ่มขึ้น 1.9 จุด แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์

นักลงทุนจะมุ่งความสนใจในสัปดาห์นี้ไปที่การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ข้อมูลที่รวบรวมโดย LSEG บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ขณะที่เฟดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม

นอกจากนี้ นักลงทุนจะรอดูการเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 4 ของยูโรโซนและเยอรมนี รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อในภูมิภาคในสัปดาห์นี้ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ