ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวกเล็กน้อย หุ้นกลุ่มโลหะอุตสาหกรรมถ่วงตลาด

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ (27 ม.ค.) ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรมกดดันตลาด และนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,503.71 จุด เพิ่มขึ้น 1.36 จุด หรือ +0.02%

ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ลดลง 0.7% โดยหุ้นโพลาร์ แคปิทัล เทคโนโลยี ทรัสต์ (Polar Capital Technology Trust) ร่วงลง 6.8% และหุ้นอัลลิอันซ์ เทคโนโลยี อินเวสต์เมนต์ ทรัสต์ (Allianz's Technology Investment Trust) ร่วงลง 5.2%

การเทขายหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ AI ทั่วโลกซึ่งเกิดจากความนิยมอย่างล้นหลามของโมเดลปัญญาประดิษฐ์ราคาถูกจากจีนนั้น ได้เริ่มผ่อนคลายลงเมื่อการซื้อขายดำเนินไป โดยดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดในระดับทรงตัว ขณะที่ดัชนี Nasdaq ร่วงลงประมาณ 3%

ค่าเงินปอนด์ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันศุกร์ โดยค่าเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นส่งผลลบต่อกลุ่มบริษัทส่งออก

กลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรม ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นแองโกล อเมริกัน (Anglo American) ที่ร่วง 6.2% หลังมีรายงานว่า บีเอชพี กรุ๊ป (BHP Group) จะไม่ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการใหม่

นอกจากนี้ ราคาทองแดงที่ลดลงยังสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อกลุ่มเหมืองแร่ด้วย

แต่หุ้นกลุ่มบริษัทบุหรี่ เช่น บริติช อเมริกัน โทแบคโค (British American Tobacco) และ อิมพีเรียล แบรนด์(Imperial Brands) เพิ่มขึ้น 4.7% และ 1.4% ตามลำดับ หลังจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนแผนการแบนบุหรี่เมนทอล

บรรดานักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางทั่วโลกในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะตัดสินใจกำหนดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ในวันพุธนี้ ซึ่งคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาข้อมูลการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ประจำเดือนธ.ค. ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อ