ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 600 จุดในช่วงเช้าวันนี้ (3 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหม่ของสหรัฐฯ อาจจะนำไปสู่สงครามการค้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทเอกชน
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลง 611 จุด หรือ -1.4% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์ ร่วงลง 1.9% และดัชนี Nasdaq-100 ฟิวเจอร์ ดิ่งลง 2.4%
ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 ก.พ.) โดยกำหนดให้เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 10% โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ 4 ก.พ.ตามเวลาสหรัฐฯ
รัฐบาลแคนาดาและเม็กซิโกประกาศว่าจะตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน ขณะที่รัฐบาลจีนประกาศว่าจะยื่นคำร้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อคัดค้านมาตรการดังกล่าวของสหรัฐฯ
โทบิน มาร์คัส หัวหน้าฝ่ายกิจการนโยบายและการเมืองของ Wolfe Research ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีแนวโน้มผันผวนอย่างมากเมื่อตลาดเปิดทำการในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการออกมาตรการดังกล่าวของปธน.ทรัมป์อาจนำไปสู่การทำสงครามการค้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงอัลฟาเบท (Alphabet), อะเมซอน (Amazon) และวอลท์ ดิสนีย์ (Walt Disney)
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ (7 ก.พ.) ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวดาวโจนส์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.จะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1%