ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันนี้ (3 ก.พ.) จากแรงเทขายที่เกิดจากความวิตกกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดกับบริษัทต่าง ๆ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สั่งเก็บภาษีนำเข้าจากจีน แคนาดา และเม็กซิโก
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 38,520.09 จุด ลดลง 1,052.40 จุด หรือ -2.66%
หุ้นที่ปรับตัวลงในวันนี้นำโดยหุ้นกลุ่มอุปกรณ์ด้านการขนส่ง กลุ่มเครื่องมือสำหรับงานชั่งตวงวัด กลุ่มกระดาษและเยื่อกระดาษ
โบรกเกอร์หลายรายระบุว่า หุ้นกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ได้รับผลกระทบรุนแรงเป็นพิเศษ เนื่องจากมีฐานการผลิตอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ความกังวลว่าจะมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติมยังฉุดบรรยากาศการซื้อขายในตลาดให้ซบเซาลงด้วย
ตลาดร่วงลงอย่างต่อเนื่องตลอดวัน โดยดิ่งลงมากกว่า 1,100 จุดในช่วงสั้น ๆ ท่ามกลางความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ 4 ก.พ.นี้ ขณะที่ดัชนีฟิวเจอร์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงก็กดดันบรรยากาศการซื้อขายด้วย
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 ก.พ.) โดยกำหนดให้เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีกในอัตรา 10%
มาซาฮิโระ อิชิกาวะ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดของบริษัทซูมิโตโม มิตซุย ดีเอส แอสเซต แมเนจเมนต์ กล่าวว่า "การขึ้นภาษีนำเข้าครั้งนี้ส่อเค้าว่า ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ญี่ปุ่นที่ผลิตในเม็กซิโกจะมีราคาแพงขึ้นในตลาดสหรัฐฯ และส่งผลกระทบต่อยอดขาย"
โบรกเกอร์ระบุว่า การที่แคนาดาประกาศมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้ และเม็กซิโกประกาศจะโต้ตอบเช่นกัน เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ซึ่งยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับตลาดเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก และนำไปสู่การเทขายหุ้นในวงกว้างเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
"ขณะนี้นักลงทุนมองว่า การขึ้นภาษีนำเข้ากำลังนำไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายลง และอาจลุกลามเป็นสงครามการค้าได้" อิชิกาวะกล่าว