ดัชนีดาวโจนส์ลดช่วงติดลบในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศชะลอแผนเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกออกไปอีก 1 เดือน หลังจากที่ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาม ผู้นำเม็กซิโก ยินยอมที่จะส่งกำลังทหารจำนวน 10,000 นายไปประจำการตามแนวชายแดนตอนเหนือเพื่อป้องกันการลักลอบนำยาเสพติดจากเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐ โดยเฉพาะยาเฟนทานิล
ณ เวลา 23.20 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 44,487.41 จุด ลบ 57.25 จุด หรือ 0.13% หลังดิ่งลงกว่า 400 จุดในช่วงแรก ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะจุดปะทุการทำสงครามการค้าอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า ในช่วงเวลา 1 เดือนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและเม็กซิโกจะทำการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
"ผมหวังที่จะมีส่วนร่วมในการเจรจากับท่านประธานาธิบดีเชนบามในความพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงระหว่างประเทศของเรา" ปธน.ทรัมป์ระบุใน Truth Social
ด้านปธน.เชนบามระบุใน X เช่นกันว่า "เรามีการสนทนาที่ดีกับท่านประธานาธิบดีทรัมป์ โดยมีการเคารพต่อความสัมพันธ์และอธิปไตยของเรา ทำให้เราสามารถบรรลุข้อตกลงหลายประการ"
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์นี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ในวันศุกร์ที่ 7 ก.พ.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 154,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 256,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ในเดือนม.ค.