ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงในวันจันทร์ (3 ก.พ.) โดยเป็นการร่วงลงวันเดียวมากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน นำโดยหุ้นกลุ่มรถยนต์ ขณะที่นักลงทุนคาดว่าการสั่งเก็บภาษีนำเข้าล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ อาจขยายตัวไปเป็นสงครามการค้า
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 534.85 จุด ลดลง 4.68 จุด หรือ -0.87%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,854.92 จุด ลดลง 95.25 จุด หรือ -1.20%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,428.24 จุด ลดลง 303.81 จุด หรือ -1.40% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,583.56 จุด ลดลง 90.40 จุด หรือ -1.04%
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีการค้า 25% กับแคนาดาและเม็กซิโก และเก็บภาษีจีน 10%
ภาษีดังกล่าวซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันอังคารนี้จะส่งผลกระทบต่อสินค้ามูลค่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์หรือมากกว่า 40% ของสินค้านำเข้าทั้งหมดของสหรัฐฯ
แคนาดาและเม็กซิโกประกาศเก็บภาษีตอบโต้ทันที และจีนก็ประกาศมาตรการตอบโต้ด้วยเช่นกัน ขณะที่ทรัมป์เตือนว่าการเก็บภาษียุโรปจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ยังไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดใด ๆ
หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง 2.4%
นักวิเคราะห์วิตกว่าการเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกอาจส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์และซัพพลายเออร์ของยุโรปมากกว่าการเก็บภาษีโดยตรงกับสินค้าของสหภาพยุโรป (EU)
หุ้นบริษัทสินค้าหรูหราซึ่งพึ่งพาตลาดจีนปรับตัวลงด้วยหลังสหรัฐประกาศเก็บภาษี โดยหุ้นหลุยส์วิตตอง (LVMH) และเคอริง (Kering) ร่วง 1.9% และ 3.8% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานร่วงลง 15 เนื่องจากราคาโลหะส่วนใหญ่ลดลง หลังทรัมป์ประกาศเก็บภาษี 10% จากการนำเข้าสินค้าจากจีนซึ่งเป็นผู้ใช้โลหะรายใหญ่
หุ้นบริษัทผลิตสุรา อาทิ ไฮเนเก้น ( Heineken), เพอร์นอด ริคาร์ด (Pernod Ricard) และดิอาจีโอ (Diageo) ร่วงลง 1.3-2.2%