ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (4 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองบวกว่าจีนและสหรัฐฯ อาจจะบรรลุข้อตกลงทางการค้าร่วมกันได้ เช่นเดียวกับที่สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงกับแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,556.04 จุด เพิ่มขึ้น 134.13 จุด หรือ +0.30%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,037.88 จุด เพิ่มขึ้น 43.31 จุด หรือ +0.72% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,654.02 จุด เพิ่มขึ้น 262.06 จุด หรือ +1.35%
มาตรการภาษีนำเข้าครั้งใหม่ 10% ที่สหรัฐฯ ประกาศใช้กับจีนนั้นเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันอังคาร ซึ่งจีนตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ ในอัตรา 15% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ อุปกรณ์ด้านการเกษตร และรถยนต์บางประเภท ในอัตรา 10% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.
แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของ Fox Business Network ว่า "ปธน.สี จิ้นผิง ผู้นำจีนได้ติดต่อมายังปธน.ทรัมป์เพื่อจะพูดคุยเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากร โดยผู้นำทั้งสองประเทศอาจจะเริ่มเจรจากันในไม่ช้านี้
ทั้งนี้ แม้ยังไม่มีการระบุวันที่แน่นอนว่าผู้นำทั้งสองประเทศจะเจรจากันเมื่อใดและปธน.ทรัมป์กล่าวว่าเขาไม่รีบร้อนในเรื่องนี้ แต่นักลงทุนคาดหวังว่าการเจรจาของผู้นำจีนและสหรัฐฯ อาจจะนำไปสู่การชะลอเวลาเรียกเก็บภาษี เช่นเดียวกับที่ปธน.ทรัมป์ได้เจรจาร่วมกับผู้นำแคนาดาและเม็กซิโก และทำให้การบังคับใช้มาตรการภาษีกับแคนาดาและเม็กซิโกถูกเลื่อนออกไป 1 เดือน
ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัท 211 แห่งในดัชนี S&P500 ที่ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ไปแล้วนั้น มีบริษัท 76.8% ที่รายงานผลประกอบการสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 2.18% ตามด้วยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารพุ่งขึ้น 1.48% ส่วนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 0.9%
หุ้นพาลันเทียร์ (Palantir) ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ของสหรัฐฯ ทะยานขึ้น 24% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 1/2568 และในปีงบการเงิน 2568 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท
หุ้นอิลลูมินา อิงค์ (Illumina Inc) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ ดิ่งลง 5.3% และหุ้นพีวีเอช คอร์ป (PVH Corp) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์เจ้าของแบรนด์ดังต่าง ๆ รวมถึงแบรนด์ Calvin Klein ปรับตัวลงเกือบ 1% หลังจากรัฐบาลจีนประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัททั้ง 2 แห่งในฐานะ "องค์กรที่ไม่น่าเชื่อถือ"
หุ้นเป๊ปซี่โค (PepsiCo) ร่วงลง 4.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2567 ที่ต่ำกว่าคาด โดยได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ของเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวในอเมริกาเหนือลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 556,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.6 ล้านตำแหน่งในเดือนธ.ค. จากระดับ 8.156 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.0 ล้านตำแหน่ง