ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (5 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนกำลังประเมินผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 38,727.19 จุด ลดลง 71.18 จุด หรือ -0.18% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 20,647.03 จุด ลดลง 142.93 จุด หรือ -0.69% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,238.85 จุด ลดลง 11.75 จุด หรือ -0.36%
ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 1.16% และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.61%
นักวิเคราะห์บางรายมองว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ บังคับใช้กับจีนนั้น แตกต่างไปจากที่ทรัมป์ใช้กับประเทศคู่ค้ารายอื่น ๆ และคาดว่าทรัมป์อาจจะใช้มาตรการภาษีกับจีนเป็นเวลานานขึ้นเหมือนกับที่เขาเคยดำเนินการในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก
ปธน.ทรัมป์ได้เลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาในอัตรา 25% ออกไปอย่างน้อย 30 วัน และเลื่อนการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกในอัตรา 25% ออกไปอีก 1 เดือน หลังจากผู้นำแคนาดาและเม็กซิให้คำมั่นว่าจะป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำยาเสพติดเข้าสู่สหรัฐฯ โดยเฉพาะยาเฟนทานิล
อย่างไรก็ตาม มาตรการภาษีนำเข้าครั้งใหม่ 10% ที่สหรัฐฯ ประกาศใช้กับจีนนั้นเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันอังคาร (4 ก.พ.) ซึ่งจีนตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ ในอัตรา 15% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ อุปกรณ์ด้านการเกษตร และรถยนต์บางประเภท ในอัตรา 10% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจจีนในวันนี้ ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอล (Caixin/S&P Global) ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนชะลอตัวลงในเดือนม.ค. เนื่องจากวันหยุดหลายวันในเทศกาลตรุษจีนได้ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคบริการปรับตัวลงสู่ระดับ 51.0 ในเดือนม.ค. จากระดับ 52.2 ในเดือนธ.ค. 2567 อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนยังคงขยายตัว