ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงเกือบ 100 จุดในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขขาดดุลการค้าในเดือนธ.ค.2567 สูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพิ่มความแข็งกร้าวในการทำสงครามการค้าเพื่อแก้ปัญหาขาดดุลของสหรัฐ
ณ เวลา 22.18 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 44,474.02 จุด ลบ 82.02 จุด หรือ 0.18%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงนำโดยหุ้นอัลฟาเบทและเอเอ็มดี หลังการเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 24.7% สู่ระดับ 9.84 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.2567 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2565 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 9.66 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 7.89 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย.2567
ทั้งนี้ การนำเข้าพุ่งขึ้น 3.5% สู่ระดับ 3.649 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การส่งออกลดลง 2.6% สู่ระดับ 2.665 แสนล้านดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะยังไม่เร่งรีบเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เกี่ยวกับการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
จีนประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐในอัตรา 15% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ อุปกรณ์ทางการเกษตร และรถยนต์บางประเภท ในอัตรา 10% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. รวมทั้งออกมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก 5 ชนิด ได้แก่ ทังสเตน เทลลูเรียม บิสมัท อินเดียม และโมลิบดีนัม และทำการสอบสวนบริษัทอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ในข้อหาละเมิดกฎหมายป้องกันการผูกขาดของจีน พร้อมกับขึ้นบัญชีบริษัทอิลลูมินา อิงค์ (Illumina, Inc) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ และบริษัทพีวีเอช คอร์ป (PVH Corp) ผู้ผลิตเครื่องแต่งกายของสหรัฐ เจ้าของแบรนด์คาลวิน ไคล์น (Calvin Klein) ในฐานะองค์กรที่ไม่น่าเชื่อถือ โดยอ้างว่ามีการละเมิดหลักการทางการค้า บ่อนทำลายการแข่งขันที่เป็นธรรม และเลือกปฏิบัติต่อบริษัทจีน
การดำเนินการดังกล่าวของจีนมีขึ้น เพื่อตอบโต้ต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% เริ่มตั้งแต่เมื่อวานนี้ (4 ก.พ.)
นักลงทุนจับตาตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ในวันศุกร์ที่ 7 ก.พ.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 154,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 256,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1%
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 176,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ ADP เปิดเผยว่า ตัวเลขค่าจ้างเพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.6% ในเดือนธ.ค.
การจ้างงานในภาคบริการเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงานลดลง 7,000 ตำแหน่ง