ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 317.24 จุด รับความหวังเฟดหั่นดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 6, 2025 06:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันพุธ (5 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวกเช่นกัน หลังจากนักลงทุนมองข้ามปัจจัยลบเกี่ยวกับสงครามการค้าและผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทอัลฟาเบท (Alphabet) และหันไปให้ความสนใจกับแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าภาคบริการของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงในเดือนม.ค.

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,873.28 จุด เพิ่มขึ้น 317.24 จุด หรือ +0.71%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,061.48 จุด เพิ่มขึ้น 23.60 จุด หรือ +0.39% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,692.33 จุด เพิ่มขึ้น 38.31 จุด หรือ +0.19%

สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.8 ในเดือนม.ค. จากระดับ 54.0 ในเดือนธ.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 54.2 เนื่องจากอุปสงค์ชะลอตัวลง โดยดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่

การประชุมครั้งต่อไปของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะมีขึ้นในวันที่ 18-19 มี.ค. ขณะที่เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า แม้นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 16.5% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.

โธมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวว่า เฟดยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้ แต่ก็ชี้ให้เห็นถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหม่ รวมทั้งนโยบายคนเข้าเมือง และนโยบายอื่น ๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.59% และ 1.57% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 2.79% และ 1.59% ตามลำดับ

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีธุรกิจเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ส่งสัญญาณฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าโมเดล AI ต้นทุนต่ำของดีปซีค (DeepSeek) ซึ่งเป็นธุรกิจสตาร์ตอัปของจีนจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของบริษัทเทคโนโลยี AI ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ

ทั้งนี้ หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) พุ่งขึ้น 5.3% หุ้นบรอดคอม (Broadcom) พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นเดลล์ เทคโนโยีส์ (Dell Technologies) พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นควอลคอมม์ (Qualcomm) ปรับตัวขึ้น 1.6% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) พุ่งขึ้น 3.2%

อย่างไรก็ดี หุ้นอัลฟาเบท (Alphabet) ร่วงลง 7.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ธุรกิจคลาวด์ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4/2567 และเปิดเผยแผนการลงทุนด้าน AI ในปีนี้สูงถึง 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.884 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นแอปเปิ้ล (Apple) ปรับตัวลง 0.14% หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า หน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันทางการค้าของจีนจะดำเนินการตรวจสอบนโยบายของแอปเปิ้ลและค่าธรรมเนียม App Store

นักลงทุนยังคงติดตามความคืบหน้าในการเจรจาด้านภาษีศุลกากรระหว่างปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ผู้นำของจีน หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวว่าเขาไม่รีบร้อนที่จะพูดคุยกับปธน.สีเกี่ยวกับการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 176,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 24.7% สู่ระดับ 9.84 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. 2567 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี ขณะที่การนำเข้าพุ่งขึ้น 3.5% สู่ระดับ 3.649 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และการส่งออกลดลง 2.6% สู่ระดับ 2.665 แสนล้านดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ