ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกสงครามการค้า-หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วง

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันศุกร์ (7 ก.พ.) โดยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ร่วงหนักที่สุด เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าสงครามการค้าโลกอาจรุนแรงขึ้น ขณะที่การคาดการณ์ผลกำไรที่ซบเซาจากบริษัทผลิตรถหรูปอร์เช่ (Porsche) ยิ่งเพิ่มแรงกดดันในตลาด

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 542.75 จุด ลดลง 2.09 จุด หรือ -0.38%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,973.03 จุด ลดลง 34.59 จุด หรือ -0.43%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,787.00 จุด ลดลง 115.42 จุด หรือ -0.53% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,700.53 จุด ลดลง 26.75 จุด หรือ -0.31%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ร่วงลง 1.6%

หุ้นปอร์เช่ ร่วง 7.1% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เข้าตลาด หลังจากบริษัทเตือนว่าต้นทุนของรุ่นรถใหม่และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่อาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรในปี 2568

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า เขาจะประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ต่อหลายประเทศในสัปดาห์หน้า เมื่อต้นสัปดาห์นี้ จีนได้กำหนดมาตรการเก็บภาษีเพิ่มเติมเฉพาะเจาะจงกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้หลังจากที่ทรัมป์ประกาศเก็บภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมด

หุ้นกลุ่มสินค้าหรูที่พึ่งพาตลาดจีนร่วงลง 1.9%

หุ้นลอรีอัล (L?Oreal) ร่วง 3.5% หลังจากกลุ่มบริษัทเครื่องสำอางสัญชาติฝรั่งเศสรายงานการเติบโตรายไตรมาสที่ชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่ช่วงการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 และออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

หุ้นเพอร์นอด ริคาร์ด (Pernod Ricard) ร่วงลง 4.7% หลังมีรายงานว่าบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มรายนี้กำลังพิจารณาขายแบรนด์แชมเปญ G.H. Mumm

อย่างไรก็ตาม ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 0.5% ในรอบสัปดาห์นี้ และทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งจากบริษัทต่าง ๆ เช่น ArcelorMittal, Novo Nordisk และ Infineon