ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันอังคาร (11 ก.พ.) และยังคงปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทเชลล์ (Shell) แต่หุ้นกลุ่มเหมืองทองแดงดิ่งลง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,777.39 จุด เพิ่มขึ้น 9.59 จุด หรือ +0.11%
หุ้น Shell พุ่งขึ้น 2.4% หลังมีรายงานว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันของไนจีเรียกำลังเจรจากับบบริษัทเชลล์ ซึ่งเป็นผู้ค้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) รายใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อขอสัญญาการบริการในโครงการน้ำลึก Bonga North ในอัตราส่วน 25%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเหมืองทองแดงร่วงลง โดยหุ้น Antofagasta, หุ้น Glencore และหุ้น Rio Tinto ร่วงลงประมาณ 1.2% - 2.7% หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมสู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยไม่มีประเทศใดได้รับการยกเว้น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าอาจจุดชนวนสงครามการค้าทั่วโลก และจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุปสงค์โลหะประเภทต่าง ๆ
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ขู่ว่าเขาจะประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในไม่ช้านี้