ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพุธ (12 ก.พ.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) และหุ้นพรูเดนเชียล (Prudential) ขณะที่เงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเป็นแรงหนุนตลาดด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,807.44 จุด เพิ่มขึ้น 30.05 จุด หรือ +0.34%
ตลาดปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน แต่ความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่สูงเกินคาดซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้
หุ้น AstraZeneca เพิ่มขึ้น 1.5% หลังจากบริษัทหลักทรัพย์ มอร์แกน สแตนลีย์ แนะเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) ขณะที่หุ้นของบริษัทในเครือในอินเดียปรับตัวขึ้นจากกำไรรายไตรมาสที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับยารักษาโรคมะเร็ง
หุ้น Prudential พุ่งขึ้น 5.8% หลังจากบริษัทประกันของอังกฤษรายนี้เปิดเผยว่ากำลังพิจารณานำ ICICI Prudential Asset Management ในอินเดียเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และจะขายหุ้นบางส่วน
หุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 1.4% โดยหุ้น Barratt Redrow พุ่งขึ้น 5.3% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2566 หลังจากบริษัทเปิดเผยคาดการณ์ผลกำไรรายปีที่สดใสและประกาศแผนซื้อคืนหุ้น
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ เพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากเชลล์ (Shell) เปิดเผยว่าความต้องการก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
แต่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรม ปรับตัวลง 0.4% เนื่องจากราคาของอะลูมิเนียมลดลง
นักลงทุนกำลังรอการเปิดเผยข้อมูล GDP ของสหราชอาณาจักรสำหรับเดือนธ.ค. รวมถึงตัวเลขเบื้องต้นของไตรมาส 4 และข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการผลิตเดือนธ.ค. ซึ่งจะให้ภาพรวมเศรษฐกิจของอังกฤษในวันพฤหัสบดีนี้
เมแกน กรีน ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กล่าวว่า ควรใช้แนวทางที่ระมัดระวังและค่อยเป็นค่อยไปในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยเน้นย้ำถึงความเสี่ยงที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้ออาจยังคงอยู่
ทั้งนี้ BoE ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2568 ลงครึ่งหนึ่ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจทั่วโลก