ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) อย่างไรก็ดี นักลงทุนคลายความกังวลเนื่องจากมาตรการดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,711.43 จุด เพิ่มขึ้น 342.87 จุด หรือ +0.77%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,115.07 จุด เพิ่มขึ้น 63.10 จุด หรือ +1.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,945.64 จุด เพิ่มขึ้น 295.69 จุด หรือ +1.50%
ทรัมป์ได้ลงนามในบันทึกของประธานาธิบดี (presidential memorandum) ในวันพฤหัสบดี เพื่อประกาศแผนการใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที โดยเจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบขาวเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า มาตรการดังกล่าวอาจจะมีการบังคับใช้ในอีกไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่ทีมเศรษฐกิจและการค้าของปธน.ทรัมป์กำลังศึกษาในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการค้าทวิภาคี
ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวขึ้น 3.5% ในเดือนม.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนธ.ค.เช่นกัน ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และหนึ่งในเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จับตาอย่างใกล้ชิด ปรับตัวขึ้น 3.6% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 3.7% ในเดือนธ.ค.
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.547% หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนี PPI ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังอยู่ในทิศทางที่ชะลอตัวลง
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้น 1.74% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวขึ้น 1.50% และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น 1.42%
หุ้นเทสลา (Tesla) ทะยานขึ้น 5.9% หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) พุ่งขึ้น 3.2% และหุ้นแอปเปิ้ล (Apple) พุ่งขึ้น 2% โดยการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ทั้ง 3 แห่งเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด
หุ้นเชฟรอน (Chevron) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 0.6% หลังจากบริษัทประกาศแผนการเลิกจ้างพนักงานทั่วโลก 20% ภายในสิ้นปี 2569 เพื่อลดต้นทุนและปรับปรุงการดำเนินธุรกิจ
หุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ตส์ อินเตอร์เนชันแนล (MGM Resorts International) ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจกาสิโน ทะยานขึ้น 17% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 4/2567
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 215,000 ราย