ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.) โดยหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง ยูนิลีเวอร์ (Unilever) และ บริติช อเมริกัน โทแบคโค (British American Tobacco - BAT) กดดันดัชนี FTSE 100 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นส่งออกเป็นหลัก
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,764.72 จุด ลดลง 42.72 จุด หรือ -0.49%
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลงมากที่สุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ หลังจากทำสถิติสูงสุดติดต่อกันในช่วง 3 วันก่อนหน้า
หุ้นยูนิลีเวอร์ ร่วง 5.6% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปี หลังจากคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจที่ไม่สดใส และเลือกอัมสเตอร์ดัมเป็นสถานที่จดทะเบียนหลักสำหรับธุรกิจไอศกรีม เบน แอนด์ เจอร์รี (Ben & Jerry) ที่แยกตัวออกมา แทนที่จะเป็นลอนดอนหรือนิวยอร์ก
หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ร่วง 8.8% ซึ่งเป็นการลดลงวันเดียวหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 หลังจากบริษัทบันทึกผลกระทบทางบัญชี 6.2 พันล้านปอนด์ (7.74 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากคดีฟ้องร้องในแคนาดา
หุ้นบาร์เคลย์ส (Barclays) ร่วง 4.7% หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2544 ในวันพุธ
อย่างไรก็ตาม หุ้นโคคา-โคลา เอชบีซี (Coca Cola HBC) พุ่งขึ้น 7.4% หลังจากรายงานผลประกอบการทั้งปีที่ดีกว่าคาดการณ์
หุ้นกลุ่มอวกาศและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศปรับตัวขึ้น 1.5% หลังจากเจฟฟรี่ส์ (Jefferies) แนะนำว่านักลงทุนควรมองการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มนี้ที่อาจเกิดจากข่าวการหยุดยิงระหว่างยูเครนและรัสเซีย เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เนื่องจากยุโรปมีแนวโน้มที่จะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซร่วง 1.6% ตามราคาน้ำมันที่ลดลงกว่า 1% จากความคาดหวังว่า รัสเซียและยูเครนอาจจะบรรลุข้อตกลงสันติภาพ
เงินปอนด์ขยับขึ้น หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอังกฤษขยายตัวเกินคาดในช่วงปลายปี 2567
ฮิว พิลล์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า BoE ยังต้องระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากกระบวนการควบคุมเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์