ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนพิจารณาผลกระทบจากการใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ
ณ เวลา 19.23 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 104 จุด หรือ 0.23% สู่ระดับ 44,707 จุด
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ประกาศแผนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที โดยปธน.ทรัมป์มอบหมายให้นายโฮเวิร์ด ลุตนิก ว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้นำในการศึกษาประเด็นต่าง ๆ เพื่อกำหนดระดับภาษีศุลกากรที่เหมาะสมสำหรับแต่ละประเทศ
แม้ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้พุ่งขึ้นกว่า 300 จุด แต่นายมาร์ก มาเลก หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัท Siebert กล่าวว่า ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น จากการคลายความวิตกเกี่ยวกับมาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์ อันเนื่องจากการที่ยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที แต่การซื้อขายจะถูกกดดันในวันนี้ เนื่องจากตลาดยังขาดแคลนปัจจัยชัดเจนที่จะหนุนการดีดตัวขึ้นต่อไป
ผลสำรวจของสมาคมนักลงทุนรายย่อยอเมริกัน (AAII) พบว่า นักลงทุนที่มีความไม่เชื่อมั่นต่อทิศทางของตลาดหุ้นในระยะ 6 เดือนข้างหน้า มีจำนวน 47.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2566 และเพิ่มขึ้นจากระดับ 42.9% ในสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นต่อทิศทางของตลาดหุ้นในระยะ 6 เดือนข้างหน้า มีจำนวน 28.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ และลดลงจากระดับ 33.3% ในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนจำนวน 57.4% เชื่อว่านโยบายการตั้งกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะชะลอเศรษฐกิจสหรัฐ และทำให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น