ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (14 ก.พ.) แต่การปรับตัวขึ้นของหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) หนุนดัชนี Nasdaq ปิดบวก ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลง หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศแผนการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ แต่ยังไม่ได้กำหนดภาษีใหม่เพิ่มเติม
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,546.08 จุด ลดลง 165.35 จุด หรือ -0.37%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,114.63 จุด ลดลง 0.44 จุด หรือ -0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,026.77 จุด เพิ่มขึ้น 81.13 จุด หรือ -0.41%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 0.5%, ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 1.5% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.6%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า ยอดค้าปลีกในสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าคาดในเดือนม.ค. โดยลดลง 0.9% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนธ.ค.
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลงประมาณ 0.07% สู่ระดับ 4.44%
ดัชนี Nasdaq 100 ซึ่งประกอบด้วยบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในตลาด Nasdaq ปรับตัวขึ้น 0.4% และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้น Nvidia ปรับตัวขึ้น 2.6% และหุ้น Apple เพิ่มขึ้น 1.3% ขณะที่หุ้น Microsoft ลดลง 0.5% และหุ้น Amazon ปรับตัวลง 0.7%
เมื่อวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.) ทรัมป์สั่งให้ทีมเศรษฐกิจจัดทำแผนเก็บภาษีตอบโต้กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ แต่คำสั่งนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดภาษีนำเข้าครั้งใหม่
โฮเวิร์ด ลุตนิค ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากทรัมป์ให้เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์กล่าวว่า รัฐบาลจะพิจารณาแต่ละประเทศเป็นรายกรณี และคาดว่าการศึกษาในประเด็นนี้จะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 1 เม.ย.
การเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม, การเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนม.ค.ที่สูงกว่าคาดการณ์ และความเห็นในเชิงคุมเข้มนโยบายของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดผันผวนในสัปดาห์นี้
เดนนิส ดิก เทรดเดอร์จาก Triple D Trading ในออนแทรีโอ แคนาดากล่าวว่า "ตอนนี้ทุกอย่างเกี่ยวกับทรัมป์ เรื่องอื่นเป็นแค่เสียงรบกวน สิ่งที่ทุกคนจับตามองคือ ทรัมป์จะทำอะไรต่อไป และสงครามภาษีของเขาจะไปทางไหน
ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์นี้ หลังจากข้อมูลบ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในเดือนม.ค. ขณะที่องค์ประกอบสำคัญ ๆ ในดัชนีค่าใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดที่เฟดจับตาอย่างใกล้ชิดนั้นอยู่ในระดับต่ำหรือปรับตัวลง
ข้อมูลจาก LSEG บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ภายในสิ้นปีนี้ และมีโอกาสประมาณ 50% ที่จะมีการปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งร่วงลง 1.16% ตามด้วยกลุ่มเฮลท์แคร์ที่ลดลง 1.11%
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้น Airbnb พุ่งขึ้น 14% หลังจากบริษัทให้เช่าที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวรายงานรายได้ไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้น
หุ้น Applied Materials ร่วงลง 8% หลังจากบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมชิปคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 2 ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันจันทร์ (17 ก.พ.) เนื่องในวันประธานาธิบดี