ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันศุกร์ (14 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนหยุดซื้อหุ้นหลังจากตลาดปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 4 วัน แต่หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราปรับตัวขึ้น หลังจากแอร์เมส (Hermes) ผู้ผลิตกระเป๋า Birkin รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 552.41 จุด ลดลง 1.34 จุด หรือ -0.24%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,178.54 จุด เพิ่มขึ้น 14.43 จุด หรือ +0.18%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,513.42 จุด ลดลง 98.60 จุด หรือ -0.44% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,732.46 จุด ลดลง 32.26 จุด หรือ -0.37%
อย่างไรก็ตาม ดัชนี STOXX 600 ยังคงปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการบวกติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2567 โดยในระยะเวลาหนึ่งปี STOXX 600 บวกขึ้นมากกว่า 8% ซึ่งปรับตัวได้ดีกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลกำไรจากบริษัทในยุโรปที่ดีกว่าคาด
โกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มคาดการณ์ระดับดัชนี STOXX 600 ในระยะเวลา 12 เดือน โดยระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการคาดการณ์นี้คือ ความเสี่ยงที่ลดลง, ราคาพลังงานที่ถูกลง, ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ดีขึ้น และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยบวก 0.4% หลังหุ้นแอร์เมสของฝรั่งเศสบวก 0.8% หลังจากรายงานยอดขายเพิ่มขึ้น 18% ในไตรมาส 4 ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักชอปที่ร่ำรวยมีความต้องการสินค้าหรูหราอย่างมาก
หุ้น LVMH เพิ่มขึ้น 0.8% และหุ้น Kering เพิ่มขึ้น 1.7% เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าความต้องการจากจีนอาจเพิ่มขึ้นหลังจากการเปิดเผยข้อมูลที่แสดงว่า การให้กู้ยืมของธนาคารในจีนในเดือนม.ค.สูงสุดเป็นประวัติการณ์
บรรดานักลงทุนยังกังวล ขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับภาษีของสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่ได้เรียกเก็บภาษีตอบโต้ทันทีในวันพฤหัสบดี แต่เขาได้สั่งให้เริ่มทำการตรวจสอบภาษีที่ประเทศอื่น ๆ เรียกเก็บกับสินค้าของสหรัฐ ซึ่งอาจนำไปสู่การเรียกเก็บภาษีที่เหมาะสม
คณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า พวกเขาจะตอบสนองอย่างเด็ดขาดและทันที หากมีการเรียกเก็บภาษี