ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (19 ก.พ.) แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเมื่อวานนี้ก็ตาม ขณะที่นักลงทุนประเมินการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในเอเชียและยังคงวิตกเกี่ยวกับการกำหนดภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 39,108.88 จุด ลดลง 161.52 จุด หรือ -0.41%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 22,911.62 จุด ลดลง 65.19 จุด หรือ -0.28% ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,342.48 จุด เพิ่มขึ้น 17.99 จุด หรือ +0.54%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวลง 0.78% หลังจากเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.10% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2563
ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 1.89%
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นขาดดุลการค้ามูลค่า 2.76 ล้านล้านเยน (1.82 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนม.ค.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยถูกกดดันจากการนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในวันนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยให้เหตุผลว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังลดลง พร้อมทั้งระบุว่า มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้
ตลาดหุ้นเอเชียยังคงถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยา
ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโกของเขาในวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า เขามีความตั้งใจที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ "ในระดับประมาณ 25%" ส่วนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์และยาก็จะอยู่ในอัตราประมาณเดียวกัน หรืออาจจะสูงกว่า โดยระบุว่าอาจจะมีการประกาศอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ครั้งใหม่ในวันที่ 2 เม.ย.
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติ ซึ่งรวมถึงบริษัทของญี่ปุ่น เยอรมนี และเกาหลีใต้ อาจจะได้รับผลกระทบอย่างมาก หากคณะบริหารของปธน.ทรัมป์นำมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์มาใช้