ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดร่วงลงกว่า 200 จุด โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของหุ้นวอลมาร์ท อิงค์
ณ เวลา 21.50 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 44,366.62 จุด ลบ 260.97 จุด หรือ 0.58%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงตามหุ้นวอลมาร์ท หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์กำไรในปีนี้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ประจำวันที่ 28-29 ม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดไม่เร่งรีบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ รายงาน FOMC ระบุว่า กรรมการเฟดมีความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมทั้งความเป็นไปได้ที่มาตรการต่าง ๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะมาตรการกำแพงภาษี จะส่งผลกระทบต่อความพยายามของเฟดในการทำให้เงินเฟ้อชะลอตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
นอกจากนี้ กรรมการเฟดมีความเห็นตรงกันว่า เฟดจำเป็นต้องเห็นเงินเฟ้อชะลอตัวลงอีก ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ในเดือนก.ค. และจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวของเฟดในปีนี้ หลังเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำวันที่ 28-29 ม.ค.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.และมิ.ย. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ค. และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมที่เหลือจนสิ้นปี 2568
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตามาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์เปิดเผยว่า เขามีแผนที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ ยา ไม้ และสินค้าอื่น ๆ "ในเดือนหน้าหรือเร็วกว่านั้น"
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษี 25% สำหรับรถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยาที่นำเข้ามายังสหรัฐ โดยอาจมีการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในวันที่ 2 เม.ย.