ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดี (20 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนประเมินการเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ที่ออกมาแตกต่างกัน นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการเลือกตั้งของเยอรมนีที่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 551.01 จุด ลดลง 1.09 หรือ -0.20%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,122.58 จุด เพิ่มขึ้น 12.04 จุด หรือ +0.15%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,314.65 จุด ลดลง 118.98 จุด หรือ -0.53% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,662.97 จุด ลดลง 49.56 จุด หรือ -0.57%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศฉุดตลาดลง โดยร่วง 2.8% หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 4% เมื่อต้นสัปดาห์จากคาดการณ์ว่า รัฐบาลยุโรปอาจกู้เงินเพิ่มขึ้นเพื่อใช้จ่ายด้านกลาโหม
บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาส โดยแอร์บัส (Airbus) แจ้งว่ามีปัญหาด้านการผลิตในระยะสั้น และยืนยันการเลื่อนส่งมอบเครื่องบิน A350 รุ่นขนส่งสินค้า ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลง 2.3%
หุ้นเมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) ร่วง 2.5% หลังคาดการณ์ว่า ผลกำไรในปี 2568 จะลดลงอย่างมาก ขณะที่หุ้นเรโนลต์ (Renault) รายงานผลกำไรจากการดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2567 แต่เตือนว่ามาตรฐานการปล่อยคาร์บอนใหม่ของสหภาพยุโรป (EU) อาจกระทบอัตรากำไร ทำให้ราคาหุ้นเรโนลต์ร่วงลง 4%
ตลาดหุ้นเยอรมนีลดลง 0.5% ขณะที่นักลงทุนรอดูผลการเลือกตั้งในวันที่ 23 ก.พ.นี้ หลังจากรัฐบาลผสม 3 พรรคของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ล่มสลายลง
"รัฐบาลเยอรมนีชุดถัดไปมีแนวโน้มจะปรับลดภาษี" ฟรันซิสกา พัลมาส นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสด้านยุโรปจากแคปิตอล อีโคโนมิกส์ (Capital Economics) กล่าว
"หากพรรค AfD ได้ชัยชนะเหนือความคาดหมาย อาจส่งผลต่อตลาดการเงิน เนื่องจากอาจเปลี่ยนมุมมองของนักลงทุนเกี่ยวกับการสนับสนุนพรรคที่คัดค้านสหภาพยุโรป (EU) ในเยอรมนี และส่งผลกระทบไปยังส่วนอื่น ๆ ของ EU"
ดัชนี Stoxx 600 ร่วงลงหนักที่สุดในวันเดียวของปีนี้เมื่อวันพุธ ขณะที่นักลงทุนวิตกกับความเสี่ยงจากสงครามการค้า และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกำหนดเวลาสำหรับการทำข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนยังเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นด้วย ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่ารัฐบาลต่าง ๆ จะกู้เงินเพิ่มขึ้นเพื่อใช้จ่ายด้านกลาโหม