ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในวันพฤหัสบดี (20 ก.พ.) โดยอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากหุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวลง ขณะที่การเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ที่ออกมาแตกต่างกันนั้นถ่วงบรรยากาศการลงทุน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,662.97 จุด ลดลง 49.56 จุด หรือ -0.57%
ตลาดถูกกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นบีพี (BP), แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca), อีซีเจ็ต (EasyJet), อิมพีเรียล แบรนด์ส (Imperial Brands) และจีเอสเค (GSK) ซึ่งขึ้นเครื่องหมาย XD โดยผู้ซื้อหุ้นไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผล
ตลาดหุ้นลอนดอนเผชิญแรงกดดันในสัปดาห์นี้ เนื่องจากค่าจ้างในที่เพิ่มขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในอังกฤษ ทำให้ตลาดลดความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในปีนี้ แม้เศรษฐกิจเติบโตชะลอตัวก็ตาม
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกยังปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนประเมินผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลต่อการค้าโลกและเงินเฟ้อ
บรรดานักลงทุนจับตารอข้อมูลการใช้จ่ายของผู้บริโภคและกิจกรรมทางธุรกิจของสหราชอาณาจักร หลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาสูงเกินคาดทำให้ยากมากขึ้นที่จะคาดเดาแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ BoE