ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก จับตาการเลือกตั้งในเยอรมนี

ตลาดหุ้นยุโรปปิดใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันศุกร์ (21 ก.พ.) และทำสถิติปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ยาวนานที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี แต่ดัชนี DAX ของเยอรมนีลดลงเล็กน้อย ขณะที่ผู้ลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การเลือกตั้งในเยอรมนีในวันอาทิตย์นี้ (23 ก.พ.)

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 553.85 จุด เพิ่มขึ้น 2.84 จุด หรือ +0.52%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,154.51 จุด เพิ่มขึ้น 31.93 จุด หรือ +0.39%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,287.56 จุด ลดลง 27.09 จุด หรือ -0.12% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,659.37 จุด ลดลง3.60 จุด หรือ -0.04%

ดัชนี STOXX 600 ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์ที่เข้าทดสอบเมื่อวันพฤหัสบดี และปิดตลาดสัปดาห์นี้บวก 0.2% โดยทำสถิติเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 9 ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นยาวนานที่สุดตั้งแต่เดือนมี.ค. 2567

หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ช่วยหนุนตลาด หลังจากสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ ประกาศว่า ไม่มีการขาดแคลนยา Wegovy และ Ozempic ของบริษัทโนโว นอร์ดิสค์ (Novo Nordisk) ผู้ผลิตยาสำหรับการลดน้ำหนักและโรคเบาหวานดังกล่าว ซึ่งทำให้ราคาหุ้นของโนโว นอร์ดิสค์ พุ่งขึ้น 5.8%

ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ นักลงทุนยังคงมีท่าทีระมัดระวัง โดยประเมินผลกระทบจากการขู่เก็บภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์, ข้อตกลงสันติภาพที่อาจเกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงความจำเป็นในการเพิ่มการใช้จ่ายทางทหารภายในประเทศยุโรป

นักลงทุนให้ความสนใจกับการเลือกตั้งในเยอรมนีในวันอาทิตย์นี้ โดยอาจนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคอนุรักษ์นิยมซึ่งมีแนวโน้มจะใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือผลการเลือกตั้งที่ไม่ชี้ขาดจะทำให้เกิดการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลที่ยาวนานและเกิดภาวะชะงักงันทางการเมือง

หุ้นกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 1% และเป็นกลุ่มที่ปรับตัวได้ดีที่สุดในสัปดาห์นี้ และบวกขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2540

หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (Standard Chartered) พุ่งขึ้น 3.7% หลังจากประกาศซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และรายงานผลกำไรประจำปีเพิ่มขึ้น 18%

หุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มพุ่งขึ้น 2.2% หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 3 วัน