ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเล็กน้อยในวันศุกร์ (21 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนประเมินการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทางของอังกฤษในสัปดาห์นี้ ซึ่งทำให้ไม่มีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจและการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,659.37 จุด ลดลง 3.60 จุด หรือ -0.04%
ดัชนี FTSE 100 ลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด, ผลประกอบการรายไตรมาสที่ไม่ดีนัก และการขู่เก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
เงินปอนด์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบสองเดือนในช่วงเช้า หลังจากที่ข้อมูลแสดงให้เห็นว่ายอดขายปลีกในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนส.ค. และการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกินคาดแม้เศรษฐกิจมีแนวโน้มอ่อนแอ
อย่างไรก็ตาม เงินปอนด์อ่อนค่า 0.2% แตะ 1.2638 ดอลลาร์สหรัฐ
ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า ธุรกิจในอังกฤษกำลังปรับลดพนักงานในอัตราเร็วที่สุดในรอบกว่า 4 ปี ก่อนการปรับขึ้นภาษีตามคำสั่งของรัฐมนตรีคลังราเชล รีฟส์ ซึ่งส่งผลให้บรรดาซัพพลายเออร์ต้องขึ้นราคาสินค้า
สัญญาณที่ขัดแย้งกันนี้ทำให้ BoE ระบุว่า จะดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังและทีละขั้น หลังจากที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.พ.เป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เดือนส.ค.
บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้
หุ้นกลุ่มโลหะมีค่าและเหมืองแร่ ร่วงลง 2.9% เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวลงหลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (Standard Chartered) พุ่งขึ้น 3.8% สวนทางตลาด แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี หลังจากประกาศซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์และรายงานผลกำไรประจำปีเพิ่มขึ้น 18%