ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ (24 ก.พ.) แต่ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลงกว่า 1% โดยตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความต้องการเทคโนโลยีที่รองรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลประกอบการของอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,461.21 จุด เพิ่มขึ้น 33.19 จุด หรือ +0.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,983.25 จุด ลดลง 29.88 จุด หรือ -0.50% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,286.92 จุด ลดลง 237.08 จุด หรือ -1.21%
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในอนาคตของชิป AI ราคาสูงจาก Nvidia ขณะเดียวกันก็รอดูผลประกอบการรายไตรมาสของ Nvidia ในวันพุธนี้ โดยความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายจำนวนมากในด้านเทคโนโลยีนั้น เกิดขึ้นนับตั้งแต่บริษัทดีปซีค (DeepSeek) ของจีนเปิดตัวโมเดล AI ต้นทุนต่ำ ซึ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
ตลาดมีความกังวลมากขึ้นหลังจากทีดี โคเวน (TD Cowen) เปิดเผยบทวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ (21 ก.พ.) ระบุว่า บริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) ได้ยกเลิกสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าสหรัฐฯ มีโครงสร้างพื้นฐาน AI มากเกินความต้องการ
ขณะที่ Microsoft ระบุว่า แผนการลงทุนกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ด้าน AI และคลาวด์ในปีงบการเงินปีนี้ยังคงอยู่ แต่บริษัทอาจมีการ "ปรับจังหวะหรือปรับเปลี่ยน" โครงสร้างพื้นฐานในบางพื้นที่อย่างมีกลยุทธ์
จีน โกลด์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุนจากบริษัท Cetera Investment Management แสดงความเห็นว่า นักลงทุนมีความวิตกกังวลในเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว และข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับ AI ก็จะถูกนำมาเป็นเหตุผลในการขายทำกำไร นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในสัปดาห์ที่แล้ว
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.43% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวลง 0.87% ส่วนหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยดีดตัวขึ้น 0.75% ตามด้วยหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น 0.45%
หุ้น Nvidia ร่วงลง 3.1% ขณะที่หุ้นบริษัทเทคโนโลยีและบริษัทผลิตชิปรายอื่น ๆ ดิ่งลงเช่นกัน โดยหุ้น Broadcom ร่วงลง 4.9% หุ้น Microsoft ร่วงลง 1% หุ้น Amazon.com ร่วงลง 1.8%
หุ้นแอปเปิ้ล (Apple) ดีดตัวขึ้น 0.7% หลังจากบริษัทประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งโรงงานผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ในรัฐเท็กซัส
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)