ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทรงตัวในวันจันทร์ (24 ก.พ.) หลังจากลดลงติดต่อกัน 4 วันขณะที่ลงทุนรอฟังความเห็นจากคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,658.98 จุด ลดลง 0.39 จุด หรือ -0.005%
หุ้นเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่อย่างริโอ ทินโต (Rio Tinto), เกล็นคอร์ (Glencore) และแองโกล อเมริกัน (Anglo American) ปรับตัวลง 1.5%-1.8% เนื่องจากราคาทองแดงและแร่เหล็กได้รับแรงกดดัน โดยนักลงทุนให้ความสนใจกับการขู่ขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และสัญญาณความต้องการที่เปลี่ยนแปลงจากระดับสต๊อกในจีนซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่ที่สุด
หุ้น BAE Systems ซึ่งเป็นบริษัทด้านอุตสาหกรรมกลาโหม พุ่งขึ้น 4% หลังจากทำสัญญากับนาซา (NASA) มูลค่า 230.6 ล้านดอลลาร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนี FTSE 100 เคยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อต้นเดือนก.พ. โดยได้รับแรงหนุนจากการเคลื่อนไหวเชิงบวกของหุ้นขนาดใหญ่ในดัชนี เช่น บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) แต่ดัชนีปรับตัวลดลงมากกว่า 1% จากจุดสูงสุดดังกล่าว
ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับแรงกดดันเมื่อเร็ว ๆ นี้จากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์, ภาวะเงินเฟ้อที่สูงในสหราชอาณาจักร และสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
สวาติ ดิงกรา สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของ BoE มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในช่วงท้ายของวัน ขณะที่ ฮิว พิลล์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันอังคาร
ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะจับตาดูข้อมูลดัชนีค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)