ตลาดหุ้นยุโรปปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพุธ (26 ก.พ.) ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และนักลงทุนประเมินผลกระทบจากการทำข้อตกลงด้านแร่ธาตุสำคัญระหว่างสหรัฐฯ และยูเครน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 559.67 จุด เพิ่มขึ้น 5.47 จุด หรือ +0.99% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,143.92 จุด เพิ่มขึ้น 92.85 จุด หรือ +1.15%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,794.11 จุด เพิ่มขึ้น 383.84 จุด หรือ +1.71% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,731.46 จุด เพิ่มขึ้น 62.79 จุด หรือ +0.72%
ดัชนี STOXX 600 ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารติดต่อกันเป็นวันที่สอง ขณะที่กลุ่มประกันพุ่งขึ้น 2.4% หลังจาก Munich Re ของเยอรมนี รายงานผลกำไรจากการดำเนินงานประจำปีสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
หุ้น Wienerberge ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอิฐ พุ่งขึ้น 11.3% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุ ปรับตัวขึ้น 1.9%
โดยรวมแล้ว หุ้นส่วนใหญ่ในดัชนี STOXX ปิดบวก ยกเว้นกลุ่มสื่อที่ร่วงลง 2.5% นำโดยหุ้นของบริษัท Wolters Kluwer ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งร่วงลง 10.9% หลังจากประกาศว่า แนนซี แมคคินสทรี ซีอีโอ จะเกษียณอายุ
สหรัฐฯ และยูเครนตกลงในเงื่อนไขของร่างข้อตกลงด้านแร่ธาตุ ก่อนที่สหรัฐฯ และรัสเซียจะมีการเจรจาเพิ่มเติมในวันพฤหัสบดีนี้ที่ตุรกี
โจเชน สตานซ์ล นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสจาก CMC Markets กล่าวว่า "ทรัมป์สร้างความไม่แน่นอนมากมายด้วยนโยบายภาษีและการเมืองของเขา นักลงทุนจึงพยายามจัดพอร์ตให้อยู่ในจุดที่ได้เปรียบหากเกิดสงครามการค้า"
นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกประเมินราคาไว้สูงมาก ขณะที่หุ้นยุโรปดูน่าลงทุนมากกว่า
ดัชนีกลุ่มหุ้นขนาดกลางของเยอรมนีแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 เดือน โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายด้านกลาโหมที่เพิ่มขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ที่คาดว่าจะนำโดยพรรคอนุรักษ์นิยมของฟรีดริช แมร์ซ
หุ้นดัชนีอุตสาหกรรมการบินและกลาโหมของยุโรปเพิ่มขึ้น 1.5%
โพลของรอยเตอร์พบว่านักลงทุนและนักวิเคราะห์จำนวนมากขึ้นคาดว่า ตลาดหุ้นยุโรปอาจเผชิญกับการปรับฐานในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ก่อนที่ตลาดจะฟื้นตัวและทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งในปี 2569
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตรียมอนุมัติให้ UniCredit ของอิตาลีเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Commerzbank ของเยอรมนี ส่งผลให้หุ้นของทั้งสองธนาคารปรับตัวขึ้น 3.1% และ 1.6% ตามลำดับ
หุ้น Anheuser-Busch InBev พุ่งขึ้น 8.9% หลังจากรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
แต่หุ้น Stellantis ร่วง 4.1% หลังจากค่ายรถยนต์แห่งนี้เปิดเผยแนวโน้มที่ระมัดระวังสำหรับปี 2568 หลังจากผลประกอบการประจำปีได้รับผลกระทบ
ขณะนี้นักลงทุนจับตารอดูการเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสของ Nvidia หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการในวันพุธ โดยผลประกอบการของ Nvidia อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับหุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI)