ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพุธ (26 ก.พ.) ที่ระดับสูงสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ ขณะที่หุ้น Burberry ช่วยหนุนดัชนีหุ้นขนาดกลางหลังได้รับการปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,731.46 จุด เพิ่มขึ้น 62.79 จุด หรือ +0.72%
ดัชนี FTSE 100 แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ. โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคาร
หุ้นธนาคาร Lloyds พุ่งขึ้น 4.6% หลังจากมีโบรกเกอร์อย่างน้อยสองแห่งปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้น และหุ้น Metro Bank พุ่งขึ้น 4.3% หลังจากประกาศว่าได้ลงนามในข้อตกลงขายพอร์ตสินเชื่อบุคคลแบบไม่มีหลักประกันมูลค่าประมาณ 584 ล้านปอนด์ (739 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นตามราคาทองแดง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เตรียมกำหนดภาษีนำเข้าทองแดง
นอกจากนี้ สถานการณ์ไฟฟ้าดับในชิลี ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่สุดของโลก ยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่โดยรวม โดยหุ้น Glencore พุ่งขึ้น 2%, หุ้น Anglo American พุ่งขึ้น 3.5% และหุ้น Antofagasta พุ่งขึ้น 3.6%
หุ้น ConvaTec Group ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ พุ่งขึ้น 4.9% หลังจากรายงานกำไรประจำปีเพิ่มขึ้น
ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวขึ้น โดยหุ้นยุโรปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังมีรายงานว่า สหรัฐฯ และยูเครนบรรลุข้อตกลงร่างเงื่อนไขเกี่ยวกับแร่ธาตุสำคัญ
บรรดานักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของ Nvidia ซึ่งเป็นผู้นำด้านชิป AI เพื่อพิจารณาว่าราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้นมีเหตุผลเหมาะสมรองรับหรือไม่
หุ้น Burberry พุ่งขึ้น 7.8% หลังจากโบรกเกอร์ Kepler Cheuvreux ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนจาก "ถือ" เป็น "ซื้อ" และคาดการณ์ว่า ธุรกิจสินค้าหรูหราจะฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง
หุ้น Pets at Home ทะยานขึ้น 7.7% แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนจากกระแสข่าวลือเรื่องการเข้าซื้อกิจการ
แต่หุ้น Aston Martin ดิ่งลง 12% สวนทางตลาด หลังบริษัทรถยนต์หรูประกาศเลื่อนการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกเป็นครั้งที่สอง และประกาศแผนการปรับลดพนักงานทั่วโลกลง 5%