ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (28 ก.พ.) และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน โดยยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ แม้ว่าตลาดได้รับผลกระทบในช่วงท้ายสัปดาห์จากขู่เก็บภาษีการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ก็ตาม
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 557.19 จุด เพิ่มขึ้น 0.08 จุด หรือ +0.01%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,111.63 จุด เพิ่มขึ้น 9.11 จุด หรือ +0.11%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,551.43 จุด เพิ่มขึ้น 0.54 จุด หรือ +0.002% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,809.74 จุด เพิ่มขึ้น 53.53 จุด หรือ +0.61%
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลง แต่ปิดเพิ่มขึ้นในรอบสัปดาห์นี้ติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2567
แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลบ 1.5% หลังจากการเทขายหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ของสหรัฐฯ หลังจากการรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
หุ้นเอเอสเอ็มแอล (ASML) ผู้ผลิตอุปกรณ์ชิป ร่วงลง 2.9%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ลดลง 0.7% ตามราคาทองคำและทองแดงที่ลดลง โดยถูกกดดันจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าและแผนการเก็บภาษีนำเข้าของทรัมป์
การยืนยันของทรัมป์ที่จะเก็บภาษีเพิ่มเติม 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนทำให้หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราได้รับความสนใจ อย่างไรก็ตามหุ้นแอลวีเอ็มเอช (LVMH), คริสเตียน ดิออร์ (Christian Dior) และเคอริง (Kering) ปิดตลาดฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดของวัน
ข้อมูลที่แสดงถึงการชะลอตัวของอัตราการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในสหรัฐฯ สนับสนุนความหวังว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. ซึ่งช่วยหนุนตลาด
ผลประกอบการบริษัทที่สดใส, ความหวังในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน และการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มกลาโหมของเยอรมนีจากความคาดหวังในการใช้จ่ายด้านการป้องกันที่เพิ่มขึ้นภายใต้รัฐบาลใหม่ได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปในช่วงต้นสัปดาห์
แต่ความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศที่ทวีความรุนแรงขึ้นทำให้ตลาดหุ้นยุโรปต้องเผชิญกับความผันผวนในครึ่งหลังของสัปดาห์
ทรัมป์ประกาศในวันพุธที่จะเก็บภาษี 25% สำหรับรถยนต์และสินค้าประเภทอื่น ๆ จากสหภาพยุโรป (EU)
ส่วนข้อมูลในวันศุกร์ที่แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มเงินเฟ้อในยูโรโซนดีขึ้นในขณะที่การเติบโตยังคงอ่อนแอนั้น จะสนับสนุนให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในสัปดาห์หน้า