ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงสู่แดนลบ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงแรก ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ขานรับดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ณ เวลา 22.20 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 43,780.57 จุด ลบ 60.34 จุด หรือ 0.14%
ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อวันศุกร์ หลังการเปิดเผยดัชนี PCE ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย.และก.ย.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 95.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย. และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมเดือนก.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนก.ย. และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมที่เหลือจนสิ้นปี 2568
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาการทำสงครามการค้าของสหรัฐ
นายโฮเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า อัตราภาษีที่สหรัฐจะเรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในวันพรุ่งนี้ (4 มี.ค.) ยังคงมีความไม่แน่นอน โดยอาจต่ำกว่าระดับ 25% ที่เคยระบุไว้ แต่สหรัฐจะยังคงเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีน
นอกจากนี้ ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 143,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.0%