ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์ (3 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศท่ามกลางความคาดหวังว่าการใช้จ่ายด้านกลาโหมในยุโรปจะเพิ่มขึ้น และความเป็นไปได้เกี่ยวกับข้อเสนอเพื่อสันติภาพในยูเครนช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 563.13 จุด เพิ่มขึ้น 5.94 จุด หรือ +1.07%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,199.71 จุด เพิ่มขึ้น 88.08 จุด หรือ +1.09%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,147.02 จุด เพิ่มขึ้น 595.59 จุด หรือ +2.64% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,871.31 จุด เพิ่มขึ้น 61.57 จุด หรือ +0.70%
ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอังกฤษ ขณะที่ดัชนี STOXX 600 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ต่อเนื่องจากการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 10 สัปดาห์
บรรดาผู้นำของประเทศเศรษฐกิจหลักในยุโรปตกลงกันในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม เพื่อแสดงให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เห็นว่า ยุโรปสามารถปกป้องตนเองได้
ขณะเดียวกัน อังกฤษเปิดเผยว่ามีข้อเสนอที่เป็นไปได้หลายแนวทางสำหรับการหยุดยิงในยูเครน หลังจากเกิดความตึงเครียดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนที่ทำเนียบขาวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
หุ้น Rheinmetall ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 13.7% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่หุ้น Leonardo ของอิตาลี พุ่งขึ้น 16% และ หุ้น BAE Systems (BAES.L) ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 14.5%
หุ้น Thales และ Dassault Aviation ของฝรั่งเศส ทะยานขึ้น 16% และ 14% ตามลำดับ
ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอวกาศและการป้องกันประเทศของยุโรป ปรับตัวขึ้น 7.7% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าและบริการอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 2.5%
นอกจากนี้ รายงานของรอยเตอร์ระบุว่า พรรคการเมืองที่อยู่ระหว่างการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของเยอรมนีกำลังพิจารณาจัดตั้งกองทุนด้านกลาโหม ซึ่งช่วยหนุนความเชื่อมั่นต่อหุ้นในกลุ่มนี้
"แม้ว่าความหวังเกี่ยวกับแผนสันติภาพยูเครนจะมีส่วนช่วยหนุนตลาดบวกในวันนี้ แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยหลักจริงๆ คือความคาดหวังว่าทั่วยุโรปจะเร่งเสริมสร้างกำลังทางทหาร" คริส โบแชมป์ หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของ IG ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายหุ้นกล่าว
ขณะเดียวกัน ข้อมูลเศรษฐกิจแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้ในเดือนที่แล้ว แต่องค์ประกอบสำคัญที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จับตาลดลง ซึ่งทำให้มีโอกาสสูงขึ้นที่ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในวันพฤหัสบดีนี้ และอาจมีมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมในเดือนต่อ ๆ ไป
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังให้ความสนใจกับท่าทีของ ECB ต่อแผนการของสหรัฐฯ ที่จะใช้มาตรการภาษีตอบโต้กับสหภาพยุโรป ขณะที่จะถึงกำหนดที่สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีกับแคนาดาและเม็กซิโก รวมถึงภาษีเพิ่มเติม 10% กับจีนในวันที่ 4 มี.ค.นี้