ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์ (3 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ขณะที่นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมในยุโรป
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,871.31 จุด เพิ่มขึ้น 61.57 จุด หรือ +0.70%
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา บรรดาผู้นำยุโรปตกลงกันว่าจำเป็นต้องเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม ขณะที่ฝรั่งเศสและอังกฤษเตรียมเสนอแผนหยุดยิงบางส่วนระยะเวลา 1 เดือนระหว่างรัสเซียและยูเครน
ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงสองวันหลังจากที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนมีความขัดแย้งกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ
บรรดาผู้นำยุโรปเห็นพ้องกันว่าต้องเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเพื่อแสดงให้ทรัมป์เห็นว่า ยุโรปสามารถปกป้องตนเองได้
ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอวกาศและป้องกันประเทศพุ่งขึ้น 8.1% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปรับตัวขึ้นมากกว่า 25% แล้วนับตั้งแต่ต้นปีนี้
หุ้น BAE Systems เป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในดัชนี FTSE 100 โดยพุ่งขึ้น 14.6% ขณะที่หุ้น Rolls-Royce Holdings พุ่งขึ้น 4.4% ตามทิศทางของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศทั่วยุโรป
การปรับตัวขึ้นของตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของรอยเตอร์ที่ระบุว่า พรรคการเมืองที่อยู่ระหว่างการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของเยอรมนีกำลังพิจารณาจัดตั้งกองทุนพิเศษด้านกลาโหม
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าปรับตัวขึ้น 1.6% เนื่องจากราคาทองคำเพิ่มขึ้นหลังจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐและแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีของทรัมป์
ข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่า โรงงานในอังกฤษปรับลดจำนวนพนักงานในเดือนก.พ.ในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี อย่างไรก็ตาม การสำรวจยังพบว่าผู้ผลิตมีมุมมองเชิงบวกมากที่สุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว