ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันอังคาร (4 มี.ค.) เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับคู่ค้ารายใหญ่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดทั่วโลก
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,759.00 จุด ลดลง 112.31 จุด หรือ -1.27%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้ภาษีนำเข้า 25% กับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในวันอังคาร ขณะที่การเก็บภาษีสำหรับสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นเป็น 20% ทำให้เกิดสงครามการค้า ซึ่งอาจกระทบการเติบโตทางเศรษฐกิจและทำให้ราคาสินค้าในสหรัฐฯ สูงขึ้น
เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลง ขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล ปรับตัวขึ้น
หุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มการเดินทางและนันทนาการ, กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน และกลุ่มพลังงาน ต่างร่วงลงมากกว่า 4%
หุ้นกลุ่มกลาโหมลดลง 0.6% หลังจากปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมา 6 วัน
ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอังกฤษกล่าวว่า เธอต้องการเร่งการจัดซื้ออุปกรณ์ทางทหาร ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอแผนกู้ยืมร่วมมูลค่า 8 แสนล้านยูโร เพื่อเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม
ส่วนหุ้นกลุ่มปลอดภัยปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด อาทิ กลุ่มเวชภัณฑ์และเทคโนโลยีชีวภาพ รวมถึงกลุ่มร้านขายยาและสินค้าอุปโภคบริโภค ต่างก็เพิ่มขึ้น 1.4%