ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พลิกร่วงลงสู่แดนลบ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ณ เวลา 21.15 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 66 จุด หรือ 0.15% สู่ระดับ 42,528 จุด
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 77,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2567 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 148,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 186,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.
นอกจากนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลง สู่ระดับ 50.3 ในเดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50.6 จากระดับ 50.9 ในเดือนม.ค.
ดัชนี PMI ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าของสหรัฐ
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 2.8% ในไตรมาส 1/2568
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. GDPNow คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.5% ในไตรมาส 1/2568 จากเดิมที่คาดว่าขยายตัว 2.3% ในตัวเลขคาดการณ์ที่มีการเปิดเผยเมื่อวันที่ 19 ก.พ.
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงแรก ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า
นายโฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐอาจเจรจากับแคนาดาและเม็กซิโกเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีศุลกากร
นายลุตนิกกล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจประกาศข้อตกลงประนีประนอมเกี่ยวกับภาษีศุลกากรกับแคนาดาและเม็กซิโกอย่างเร็วที่สุดในวันนี้ (5 มี.ค.) หลังจากที่ปธน.ทรัมป์เคยขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าที่นำเข้าจากประเทศทั้งสองสูงถึง 25%