ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 73 จุด บอนด์ยีลด์-ภาษีนำเข้ากดดันตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 7, 2025 07:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นกดดันตลาด ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีของสหรัฐฯ ยังคงส่งผลกระทบต่อแนวโน้มตลาดทั่วโลก

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,682.84 จุด ลดลง 73.00 จุด หรือ -0.83%

หุ้นกลุ่มธนาคารถ่วงตลาดลงมากที่สุด โดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 2.7% หลังจากที่พุ่งขึ้น 1.8% ในวันพุธ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ (gilts) ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนถึงแรงเทขายพันธบัตรทั่วโลก หลังจากเยอรมนีประกาศแผนผ่อนคลายกฎการใช้จ่ายด้านการคลัง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษอายุ 10 ปีและ 2 ปี แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ก่อนปรับลดลงเล็กน้อย

ตลาดการเงินยังคงผันผวนในสัปดาห์นี้ หลังนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ รวมถึงกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ส่งสัญญาณเมื่อวันพฤหัสบดีว่า อาจมีการยกเว้นภาษีเพิ่มเติมสำหรับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา หลังจากที่ทรัมป์ประกาศยกเว้นภาษีสำหรับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นเวลา 1 เดือนในวันพุธ

ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดระบุว่า ภาคก่อสร้างของสหราชอาณาจักรหดตัวลงอย่างรุนแรงในเดือนที่ผ่านมา โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคก่อสร้างของ S&P Global/CIPS ลดลงสู่ระดับ 44.6 ในเดือนก.พ. จาก 48.1 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563 และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่รอยเตอร์สำรวจคาดการณ์ไว้

ดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และดัชนีทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ปรับตัวลงราว 1% แต่หุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุปรับตัวขึ้น

สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัว หุ้นเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (Reckitt Benckiser) ผู้ผลิตเดทตอล (Dettol) พุ่งขึ้น 2.1% หลังต้นทุนคงที่ลดลงจาก 21.8% ของรายได้สุทธิในปี 2566 เหลือ 20.9% ในปี 2567

หุ้นเมลโรส อินดัสทรีส์ (Melrose Industries) ร่วงลง 18.2% มากที่สุดในดัชนี FTSE 100 หลังผู้ผลิตชิ้นส่วนอากาศยานรายนี้คาดการณ์ว่า รายได้ปี 2568 จะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้

หุ้นชโรเดอร์ส (Schroders) พุ่งขึ้น 12.6% หลังบริษัทจัดการกองทุนประกาศแผนลดค่าใช้จ่าย 150 ล้านปอนด์ (ราว 194 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายใน 3 ปีข้างหน้า

หุ้นแอดไมรัล กรุ๊ป (Admiral Group) พุ่งขึ้น 5.2% หลังบริษัทประกันภัยรายงานกำไรประจำปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเปิดเผยว่ากำลังเจรจาขายธุรกิจในสหรัฐฯ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ