ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันศุกร์ (7 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเผชิญกับความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งสัปดาห์ และประเมินรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ซึ่งออกมาต่ำกว่าคาด
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 553.35 จุด ลดลง 2.55 จุด หรือ -0.46%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,120.80 จุด ลดลง 76.87 จุด หรือ -0.94%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,008.94 จุด ลดลง 410.54 จุด หรือ -1.75% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,679.88 จุด ลดลง 2.96 จุด หรือ -0.03%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวลง 0.7% ในรอบสัปดาห์นี้ และยุติการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 10 วันซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2567
เมื่อวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้ระงับการเก็บภาษี 25% ที่เขากำหนดไว้สำหรับสินค้าส่วนใหญ่จากแคนาดาและเม็กซิโกในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดในนโยบายการค้าของเขาที่ทำให้ตลาดเริ่มมองว่ามีการใช้ภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรองมากขึ้น
ทรัมป์ได้กำหนดภาษีการค้ากับสองประเทศนี้ในวันอังคาร (4 มี.ค.) และตามมาด้วยการยกเว้นภาษีสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ที่ปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่
"เนื่องจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลงไปมา มีความไม่แน่นอนมากในขณะนี้ เรายังไม่รู้เลยว่าภาษีที่ยุโรปจะถูกเรียกเก็บจะเป็นอย่างไร" ซูซานนา สตรีเตอร์ หัวหน้าฝ่ายการเงินและตลาดที่ Hargreaves Lansdown กล่าว
อย่างไรก็ตาม จีนไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาษีได้ และตอนนี้ต้องเผชิญกับภาษี 20% สำหรับการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ขณะที่มีการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่าการนำเข้าของจีนลดลงเกินคาด
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคชาวจีนร่วงลง โดยหุ้นเบอร์เบอรี (Burberry) ร่วง 6.8%, หุ้นเคอริง (Kering) ร่วง 3.9% และหุ้นหลุยส์วิตตอง (LVMH) ร่วง 2.8%
ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราทั่วของยุโรป ร่วงลงประมาณ 2.7%
กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมและบริการ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มป้องกันประเทศเป็นกลุ่มที่ลดลงมากที่สุดโดยลดลง 1.8% ขณะที่กลุ่มเหมืองแร่ลดลง 1.6% เนื่องจากราคาทองแดงปรับตัวลง
แต่หุ้นกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคมเพิ่มขึ้น 2.1% สวนทางตลาด
ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าคาดช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
ตลาดหุ้นเยอรมนีทำผลงานได้ดีกว่าตลาดอื่น ๆ ในสัปดาห์นี้จากความหวังเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านการคลังที่เพิ่มขึ้น
เยอรมนีมีแผนสร้างกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 5 แสนล้านยูโร (5.43 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) และปรับปรุงกฎการกู้ยืม
ส่วนการลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจ โดย ECB เตือนถึงความไม่แน่นอนอย่างมาก และเพิ่มโอกาสที่ ECB อาจจะหยุดการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนหน้า