ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 สัปดาห์ในวันจันทร์ (10 มี.ค.) โดยเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกที่ถูกเทขายจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ซึ่งยังคงทำให้นักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายหุ้น
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,600.22 จุด ลดลง 79.66 จุด หรือ -0.92%
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 และปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.
บรรดานักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่จากผลกระทบของภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ กำหนดต่อเม็กซิโก แคนาดา และจีน เนื่องจากปัญหาการลักลอบนำเข้ายาเฟนทานิล
"ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีศุลกากรของทรัมป์ยังคงกดดันตลาดในช่วงต้นสัปดาห์" ซูซานนาห์ สตรีเตอร์ หัวหน้าฝ่ายการเงินและตลาดของฮาร์กรีฟส์ แลนสดาวน์ (Hargreaves Lansdown) กล่าว
"แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยกำลังเป็นประเด็นที่ต้องจับตา โดยความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง บริษัทต่างๆ ต้องเผชิญกับความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นในด้านการค้า และนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลมากขึ้น"
ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลง โดยเฉพาะ Nasdaq ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน เนื่องจากความกังวลว่าการตอบโต้ด้านภาษีอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม ยังคงปรับตัวลง โดยร่วง 4.5% และเป็นกลุ่มที่ปรับตัวลงมากที่สุด
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจนั้น ผลสำรวจระบุว่าตลาดแรงงานของอังกฤษชะลอตัวลงในเดือนก.พ. โดยมีการจ้างงานที่ลดลงและอัตราการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนเริ่มต้นต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี