ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 400 จุด โดยปรับตัวลงต่อเนื่องจากวานนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ
ณ เวลา 21.53 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 41,425.89 จุด ลบ 485.82 จุด หรือ 1.16%
ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงเกือบ 900 จุดวานนี้ ขณะที่ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้นกว่า 14% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เตรียมจัดการประชุมร่วมกับผู้นำของภาคธุรกิจสหรัฐในวันนี้ หลังจากที่มูลค่าตลาดของบริษัทหลายแห่งทรุดตัวลงในช่วงนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ รวมทั้งเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น ซึ่งได้กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์จะเป็นประธานในการประชุมพบปะกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐราว 100 คนในการประชุม Business Roundtable ที่กรุงวอชิงตัน ดีซีในวันนี้
นักวิเคราะห์เตือนว่า สหรัฐมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของการใช้มาตรการตั้งกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้ ความเสี่ยงของ "Trumpcession" (Trump + recession) หรือเศรษฐกิจถดถอยจากนโยบายทรัมป์ ได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว Fox News ปธน.ทรัมป์ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะเผชิญภาวะถดถอย และกล่าวเตือนว่า ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการที่เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนผ่าน และแนวโน้มเงินเฟ้อที่ดีดตัวขึ้น
นักวิเคราะห์จากหลายสำนักพากันปรับลดประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเตือนว่าการทำสงครามการค้าของปธน.ทรัมป์กำลังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้
โกลด์แมน แซคส์ประกาศปรับเพิ่มโอกาสที่สหรัฐจะเผชิญภาวะถดถอยเป็น 20% จากเดิมที่ระดับ 15% โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์และเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งกระทบต่อการจ้างงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 1.5% จากเดิมที่ระดับ 1.9% เนื่องจากผลกระทบของนโยบายการค้าและการควบคุมผู้อพยพเข้าประเทศมีความรุนแรงมากกว่าที่ประเมินไว้
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว -2.4% ในไตรมาส 1/2568 หลังจากก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว +2.3% ในไตรมาสดังกล่าว
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนก.พ.ในวันพุธนี้
ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนก.พ. จากระดับ 3.0% ในเดือนม.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.พ. จากระดับ 0.5% ในเดือนม.ค.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 3.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.3% ในเดือนม.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.พ. จากระดับ 0.4% ในเดือนม.ค.