ดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุด เหตุ "ทรัมป์" ทำเทรดวอร์ไม่มีแผ่ว

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 13, 2025 21:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า

ณ เวลา 21.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 41,210.52 จุด ลบ 140.41 จุด หรือ 0.34%

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 100 จุดวานนี้ และดิ่งลง 3.4% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ โดยมีแนวโน้มทำสถิติทรุดตัวลงในสัปดาห์นี้มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2566

ราคาหุ้นของบริษัทธุรกิจสุราในยุโรปและสหรัฐต่างดิ่งลงอย่างหนัก ท่ามกลางการทำสงครามการค้าตอบโต้กันไปมาระหว่างรัฐบาลของทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้ ราคาหุ้น LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton ของนายเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ มหาเศรษฐีพันล้าน และบุรุษผู้ร่ำรวยที่สุดในยุโรป ร่วงลงเป็นวันที่ 9 ติดต่อกัน และดิ่งลง 14% นับตั้งแต่ปลายเดือนก.พ. ส่วนราคาหุ้น Remy Cointreau ปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 และส่งผลให้ราคาหุ้นทรุดตัวลงเกือบ 11% นับตั้งแต่ปลายเดือนก.พ. ขณะที่หุ้น Pernod Ricard อ่อนตัวลงเป็นวันที่ 3 และดิ่งลงกว่า 6% นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ราคาหุ้นของ Brown Forman ซึ่งเป็นเจ้าของวิสกี้แบรนด์ Jack Daniels ของสหรัฐ ร่วงลงมากกว่า 7% ในสัปดาห์นี้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษีต่อผลิตภัณฑ์สุราและแอลกอฮอล์จากสหภาพยุโรป (EU) สูงถึง 200% เพื่อตอบโต้ต่อการที่ EU เรียกเก็บภาษี 50% ต่อวิสกี้ที่นำเข้าจากสหรัฐ

"สหภาพยุโรป หนึ่งในองค์กรที่มีความมุ่งร้ายและมีการละเมิดด้านภาษีและภาษีศุลกากรมากที่สุดในโลก โดยมีการก่อตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เดียวในการเอารัดเอาเปรียบสหรัฐ ได้เพิ่งประกาศเรียกเก็บภาษี 50% ต่อวิสกี้จากสหรัฐ ซึ่งหากไม่มีการยกเลิกภาษีนี้โดยทันที สหรัฐก็จะเรียกเก็บภาษี 200% ในไม่ช้าต่อไวน์ แชมเปญ และผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ทั้งหมดที่มาจากฝรั่งเศสและประเทศอื่น ๆ ในสหภาพยุโรป และนี่จะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับธุรกิจไวน์และแชมเปญในสหรัฐ" ปธน.ทรัมป์ระบุใน Truth Social

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา EU ประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ซึ่งรวมทั้งวิสกี้ โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือนเม.ย. เพื่อตอบโต้ต่อการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีต่อผลิตภัณฑ์เหล็กและอะลูมิเนียมจากยุโรป

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวลงในวันนี้ โดยไม่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ