ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ (17 มี.ค.) หลังจากจีนเปิดเผยว่ายอดค้าปลีกพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ แต่ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวลงหลังจากสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กล่าวว่า การปรับฐานที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถือเป็นเรื่องปกติ
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 37,475.24 จุด เพิ่มขึ้น 422.14 จุด หรือ +1.14% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 24,276.64 จุด เพิ่มขึ้น 316.66 จุด หรือ +1.32% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,429.30 จุด เพิ่มขึ้น 9.73 จุด หรือ +0.28%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 1.7% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวขึ้น 0.67%
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. ปรับตัวขึ้น 4% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าในเดือนธ.ค. 2567 ที่เพิ่มขึ้น 3.7% และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในโพลสำนักข่าวรอยเตอร์
ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. ปรับตัวขึ้น 5.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งแม้ว่าชะลอตัวลงจากเดือนธ.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 6.2% แต่ก็ยังขยายตัวรวดเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.3%
อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลง 197 จุด หรือ -0.47% แตะที่ระดับ 41,653 จุด ณ เวลา 11.43 น.ตามเวลาไทย หลังจากนายเบสเซนต์ให้สัมภาษณ์ในรายการ "Meet the Press" ของสถานีโทรทัศน์ NBC ในวันอาทิตย์ (16 มี.ค.)ว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะปรับฐาน (Correction) ถือเป็นเรื่องที่ปกติ
"ในฐานะที่ผมอยู่ในแวดวงธุรกิจด้านการลงทุนมานานถึง 35 ปี ผมสามารถบอกได้ว่า การที่ตลาดปรับฐานถือเป็นเรื่องดี และเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นผมจึงไม่กังวลเกี่ยวกับตลาด โดยในระยะยาวนั้น หากเรามีการนำนโยบายภาษีมาใช้ มีการผ่อนคลายกฎระเบียบ และมีความมั่นคงด้านพลังงาน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็จะปรับตัวแข็งแกร่งขึ้น" เขากล่าว