ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวนในวันนี้ (21 มี.ค.) โดยบรรยากาศการซื้อขายได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 37,890.42 จุด เพิ่มขึ้น 138.54 จุด หรือ +0.37% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 23,733.02 จุด ลดลง 486.93 จุด หรือ -2.01% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,376.96 จุด ลดลง 31.99 จุด หรือ -0.94%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.14% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.37%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียเป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่นักลงทุนรอดูผลกระทบจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากร โดยคณะบริหารของทรัมป์เตรียมประกาศใช้มาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับบางประเทศในวันที่ 2 เม.ย.นี้ แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะใช้กับประเทศใดบ้างและจะเรียกเก็บภาษีในอัตราเท่าใด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศเอเชียในช่วงเช้าวันนี้ กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ของญี่ปุ่น ซึ่งไม่รวมอาหารสดที่มีความผันผวน เพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยชะลอตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน หลังจากที่ขยายตัว 3.2% ในเดือนม.ค. ซึ่งส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการที่รัฐบาลกลับมาให้เงินอุดหนุนค่าสาธารณูปโภค
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า มูลค่าสินทรัพย์ครัวเรือนของญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือนธ.ค. 2567 อยู่ที่ 2,230 ล้านล้านเยน (15 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน