ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 300 จุด ท่ามกลางความกังวลต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และความวิตกที่ว่าการทำสงครามการค้าจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐ
ณ เวลา 20.14 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 336 จุด หรือ 0.79% สู่ระดับ 41,950 จุด
หุ้นของบริษัทไนกี้และเฟดเอ็กซ์ดิ่งลง 5% และ 7% ตามลำดับในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ แม้ไนกี้เปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 3 ตามปีงบการเงินของบริษัท แต่ก็ได้เตือนว่ารายได้ในไตรมาส 4 จะดิ่งลงมากกว่า 10% และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่บริษัทเฟดเอ็กซ์เปิดเผยกำไรต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 ของปีงบการเงินบริษัท
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษี 25% ต่อเหล็กและอะลูมิเนียมที่มีการนำเข้าสู่สหรัฐตั้งแต่เดือนก.พ. รวมทั้งเตรียมเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ในวันที่ 2 เม.ย.
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 1.7% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.1% และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ สู่ระดับ 2.8% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.5%
ส่วนธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว -1.8% ในไตรมาส 1/2568
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. GDPNow คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.3% ในไตรมาส 1/2568
ผลสำรวจของสมาคมนักลงทุนรายย่อยอเมริกัน (AAII) พบว่า นักลงทุนจำนวนมากกว่า 50% ยังคงมีความไม่เชื่อมั่นต่อทิศทางของตลาดหุ้นในระยะ 6 เดือนข้างหน้า
ทั้งนี้ นักลงทุนที่มีความไม่เชื่อมั่นต่อทิศทางของตลาดหุ้นในระยะ 6 เดือนข้างหน้า มีจำนวน 58.1% ลดลงจากระดับ 59.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ระดับ 31.0%
ส่วนนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นต่อทิศทางของตลาดหุ้นในระยะ 6 เดือนข้างหน้า มีจำนวน 21.6% เพิ่มขึ้นจากระดับ 19.1% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ระดับ 37.5%
นอกจากนี้ นักลงทุนจำนวน 20.3% มีมุมมองที่เป็นกลางต่อทิศทางตลาดหุ้น ลดลงจากระดับ 21.7% ในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอดีตที่ระดับ 31.5%