ดัชนีดาวโจนส์ลดช่วงติดลบ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ส่งสัญญาณใช้ความยืดหยุ่นต่อแผนการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff)
ณ เวลา 00.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 41,904.58 จุด ลบ 48.74 จุด หรือ 0.12%
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า จะมีการใช้ความยืดหยุ่นต่อแผนการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) ซึ่งสหรัฐมีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย.
"บางคนมาหาผมและพูดคุยเกี่ยวกับภาษีนี้ และหลายคนก็ขอร้องผมว่าพวกเขาจะได้รับการยกเว้นได้ไหม ซึ่งถ้าคุณอนุญาตให้หนึ่งคน คุณก็ต้องอนุญาตให้ทุกคน"
"ผมไม่ได้เปลี่ยนใจ แค่คำว่ายืดหยุ่นเป็นคำที่มีความสำคัญ" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขามีแผนที่จะพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน หลังจากที่จีนประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าเกษตรของสหรัฐเพื่อตอบโต้ต่อการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าจีน
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า วันที่ 2 เม.ย.จะเป็นวันแห่งการปลดปล่อยสำหรับอเมริกา เนื่องจากเป็นวันที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) ต่อสินค้าที่นำเข้าจากทุกประเทศที่เรียกเก็บภาษีต่อสินค้าสหรัฐ และแม้ว่าบางประเทศไม่ได้เรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าสหรัฐ แต่ได้มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ประเทศดังกล่าวก็จะถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีตอบโต้เช่นกัน
ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 400 จุดในช่วงแรก ท่ามกลางความกังวลต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และความวิตกที่ว่าการทำสงครามการค้าจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐ
หุ้นของบริษัทไนกี้และเฟดเอ็กซ์ดิ่งลง 8% และ 10% ตามลำดับ แม้ไนกี้เปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 3 ตามปีงบการเงินของบริษัท แต่ก็ได้เตือนว่ารายได้ในไตรมาส 4 จะดิ่งลงมากกว่า 10% และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่บริษัทเฟดเอ็กซ์เปิดเผยกำไรต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 ของปีงบการเงินบริษัท
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษี 25% ต่อเหล็กและอะลูมิเนียมที่มีการนำเข้าสู่สหรัฐตั้งแต่เดือนก.พ. รวมทั้งเตรียมเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ในวันที่ 2 เม.ย.
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เน้นย้ำว่าเฟดจะไม่เร่งรีบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากการดำเนินนโยบายของปธน.ทรัมป์
นอกจากนี้ เฟดปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 1.7% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.1% และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ สู่ระดับ 2.8% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.5%
ส่วนธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว -1.8% ในไตรมาส 1/2568
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. GDPNow คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.3% ในไตรมาส 1/2568
ผลสำรวจของสมาคมนักลงทุนรายย่อยอเมริกัน (AAII) พบว่า นักลงทุนจำนวนมากกว่า 50% ยังคงมีความไม่เชื่อมั่นต่อทิศทางของตลาดหุ้นในระยะ 6 เดือนข้างหน้า
ทั้งนี้ นักลงทุนที่มีความไม่เชื่อมั่นต่อทิศทางของตลาดหุ้นในระยะ 6 เดือนข้างหน้า มีจำนวน 58.1% ลดลงจากระดับ 59.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ระดับ 31.0%
ส่วนนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นต่อทิศทางของตลาดหุ้นในระยะ 6 เดือนข้างหน้า มีจำนวน 21.6% เพิ่มขึ้นจากระดับ 19.1% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ระดับ 37.5%
นอกจากนี้ นักลงทุนจำนวน 20.3% มีมุมมองที่เป็นกลางต่อทิศทางตลาดหุ้น ลดลงจากระดับ 21.7% ในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอดีตที่ระดับ 31.5%