ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (21 มี.ค.) โดยฟื้นตัวจากการติดลบในช่วงเช้า หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ให้ความหวังว่า ภาษีศุลกากรที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ซึ่งคาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ในช่วงต้นเดือนเม.ย.นั้น อาจไม่รุนแรงอย่างที่วิตกกัน
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,985.35 จุด เพิ่มขึ้น 32.03 จุด หรือ +0.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,667.56 จุด เพิ่มขึ้น 4.67 จุด หรือ +0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,784.05 จุด เพิ่มขึ้น 92.43 จุด หรือ +0.52%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 1.2%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.5% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.17%
ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยุติการลดลง 4 สัปดาห์ติดต่อกันลงได้
แม้ตลาดโดยรวมปรับตัวขึ้น แต่หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักของดัชนี S&P500 ปิดตลาดในแดนลบ โดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และวัสดุปรับตัวลงมากที่สุด 1.02% และ 1.00% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นกลุ่มบริการสื่อสารและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เพิ่มขึ้น 1.00% และ 0.63% ตามลำดับ
ทรัมป์กล่าวว่าจะมีความยืดหยุ่นเกี่ยวกับภาษีศุลกากร และหัวหน้าผู้แทนการค้าของเขามีแผนจะพูดคุยกับคู่เจรจาจากจีนในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ เขายังย้ำถึงแผนการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือในการลดยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ กับจีน
ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นเผชิญแรงกดดันในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับเวลาและขนาดของภาษีทำให้แนวโน้มกำไรของบริษัทต่าง ๆ และทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่มีความแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวหลังแตะระดับต่ำสุดในสัปดาห์นี้ โดยดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% ในวันพุธ (19 มี.ค.) หลังจากเฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ย และส่งสัญญาณว่ามีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
ออสตัน กูลสบี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า เฟดต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในการประเมินผลกระทบของนโยบายทรัมป์ที่มีต่อเศรษฐกิจ ขณะที่จอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กเห็นด้วยและกล่าวว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องเร่งปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในตอนนี้
ขณะที่ฤดูรายงานผลประกอบการจะเริ่มขึ้นในเดือนหน้านั้น บริษัทหลายแห่งได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ โดยหุ้น FedEx ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งพัสดุ ร่วงลง 6.45% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์กำไรและรายได้ตลอดทั้งปี โดยระบุถึงความอ่อนแออย่างต่อเนื่องและความไม่แน่นอนในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ
หุ้น UPS ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งของ FedEx ลดลง 1.61% โดยบริษัทจัดส่งสินค้าเหล่านี้มักถูกมองว่าเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจโลก เนื่องจากมีการดำเนินธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม
หุ้นทั้ง 2 ตัวดังกล่าวถ่วงดัชนีดาวโจนส์กลุ่มการขนส่งร่วงลงมากถึง 2.7% ในระหว่างวัน ก่อนฟื้นตัวและปิดลดลงเพียง 0.2%
หุ้น Nike ร่วงลง 5.46% และเป็นหุ้นในดัชนีดาวโจนส์ที่ร่วงลงหนักที่สุด หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 4 จะลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
หุ้น Boeing พุ่งขึ้น 3.06% หลังจากทรัมป์มอบสัญญาให้กับ Boeing เพื่อผลิตเครื่องบินรบที่ล้ำสมัยที่สุดของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ส่งผลให้หุ้นคู่แข่งอย่าง Lockheed Martin ร่วงลง 5.79%