ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันจันทร์ (24 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงระมัดระวังในการซื้อขาย แม้มีความหวังเพิ่มขึ้นว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ อาจใช้แนวทางที่ผ่อนปรนมากขึ้นกับนโยบายภาษีศุลกากรในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 548.93 จุด ลดลง 0.74 จุด หรือ -0.13%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,022.33 จุด ลดลง 20.62 จุด หรือ -0.26%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,852.66 จุด ลดลง 39.02 จุด หรือ -0.17% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,638.01 จุด ลดลง 8.78 จุด หรือ -0.10%
ดัชนี STOXX 600 ลดช่วงบวกที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งได้แรงหนุนหลังจากการเปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจในยูโรโซนขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 7 เดือนในเดือนมี.ค.
อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งทางการค้าทั่วโลกยังคงเป็นประเด็นสำคัญ โดยนักลงทุนจับตารายงานที่ระบุว่ารัฐบาลของทรัมป์อาจยกเว้นภาษีบางกลุ่มอุตสาหกรรม แต่จะใช้มาตรการภาษีตอบโต้ในวันที่ 2 เม.ย.นี้
หุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเป็นกลุ่มที่ปรับตัวลงมากที่สุดในตลาด โดยลดลง 1.4%
หุ้นกลุ่มโทรคมนาคม ลดลงมากกว่า 1% โดยถูกกดดันจากหุ้นโวดาโฟน (Vodafone) ที่ร่วง 4.4% หลังจาก BofA Global Research ปรับลดคำแนะนำจาก "ซื้อ" เป็น "ถือ"
แต่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น 1.3% สวนทางตลาด โดยได้แรงหนุนจากราคาทองแดงที่เพิ่มขึ้น โดยเจพีมอร์แกน (J.P. Morgan) ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนหุ้นเหมืองของยุโรปเป็น "เพิ่มน้ำหนักการลงทุน" จาก "ลดน้ำหนักการลงทุน"
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นไบเออร์ (Bayer) ร่วงลง 6.3% หลังจากศาลสหรัฐฯ สั่งให้บริษัทจ่ายเงินชดเชยราว 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับโจทก์ที่อ้างว่าสารเคมีกำจัดวัชพืช Roundup ของบริษัทเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง