ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงสู่แดนลบ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำกว่าคาดในเดือนมี.ค.
ณ เวลา 21.10 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 42,558.36 จุด ลบ 24.96 จุด หรือ 0.06%
ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลง 7.2 จุด สู่ระดับ 92.9 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2564 จากระดับ 100.1 ในเดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 94.2
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับการใช้นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค ความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นในช่วงแรกต่อเนื่องจากวานนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าของสหรัฐ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ส่งสัญญาณใช้ความยืดหยุ่นต่อแผนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ในวันที่ 2 เม.ย. ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าอย่างเต็มรูปแบบของสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า เขาจะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อรถยนต์, ยา, ไม้ และเซมิคอนดักเตอร์ นอกเหนือจากเหล็กและอะลูมิเนียมที่มีการเรียกเก็บในปัจจุบัน
นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)