ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 200 จุด ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายลดความเสี่ยงเพื่อรอความชัดเจนก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ในวันพรุ่งนี้
ณ เวลา 20.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 41,715.56 จุด ลบ 286.20 จุด หรือ 0.68%
ปธน.ทรัมป์ประกาศว่าวันที่ 2 เม.ย.จะเป็นวันแห่งการปลดปล่อยของสหรัฐ โดยในวันดังกล่าว สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% รวมทั้งเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ต่อทุกประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์จะประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ในวันพุธที่ 2 เม.ย.เวลา 15.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 3 เม.ย.เวลา 02.00 น.ตามเวลาไทย ขณะที่หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์อาจเรียกเก็บภาษี 20% ต่อสินค้าส่วนใหญ่ที่มีการนำเข้าสู่สหรัฐ
นักลงทุนวิตกว่าการทำสงครามการค้าของปธน.ทรัมป์จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย
เจพี มอร์แกน คาดว่าสหรัฐมีโอกาส 40% ที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 30% ขณะที่โกลด์แมน แซคส์คาดว่ามีโอกาส 35% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 20%
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว -2.8% ในไตรมาส 1/2568 หลังจากก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว +2.3% ในไตรมาสดังกล่าว
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในการประชุมประจำปีของ Society for Advancing Business Editing and Writing (SABEW) ที่เมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย
การกล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าวมีกำหนดในวันศุกร์ที่ 4 เม.ย.เวลา 11.25 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเวลา 22.25 น.ตามเวลาไทย
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
ก่อนหน้านี้ นายพาวเวลกล่าวหลังการประชุมนโยบายการเงินของเฟดเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีของปธน.ทรัมป์จะส่งผลให้เฟดเผชิญกับความล่าช้าในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ
นายพาวเวลยอมรับว่า ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก และถือเป็นความท้าทายสำหรับเฟดในการรับมือกับนโยบายใหม่จากรัฐบาลทรัมป์ แต่นายพาวเวลยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอย