ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ โดยทรุดตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น และฉุดเศรษฐกิจโลกให้ประสบภาวะถดถอย
ณ เวลา 15.52 น.ตามเวลาไทย ดัชนี STOXX 600 ดิ่งลง 5.2%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี ร่วงลง 5.6% หลังจากทรุดตัวลง 10% ในการซื้อขายช่วงแรก
ส่วนดัชนี European Stoxx 50 Volatility index ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป พุ่งขึ้น 51% ในวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 10 ปี
ดัชนี STOXX 600 ทรุดตัวลง 8.4% ในสัปดาห์ที่แล้ว ทำสถิติดิ่งลงมากที่สุดในรอบ 5 ปี
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) และภาษีศุลกากรพื้นฐาน (baseline tariff) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยภาษีศุลกากรตอบโต้จะแตกต่างกันไปเป็นรายประเทศ นับตั้งแต่ 10-49% โดยขึ้นอยู่กับการตั้งกำแพงภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีของประเทศนั้น ๆ ที่มีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย. ส่วนภาษีศุลกากรพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 10% เท่ากันทุกประเทศ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เม.ย.
รัฐบาลจีนประกาศเรียกเก็บภาษี 34% ต่อสินค้านำเข้าทั้งหมดที่มาจากสหรัฐ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. โดยจีนออกมาตรการดังกล่าวเพื่อตอบโต้ต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ในอัตรา 34% ต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน ซึ่งเมื่อรวมกับมาตรการเรียกเก็บภาษีที่สหรัฐบังคับใช้กับจีนอยู่แล้วที่ระดับ 20% จะทำให้จีนต้องเผชิญกับอัตราภาษีรวมจากสหรัฐสูงถึง 54%
ทางด้านสหภาพยุโรป (EU) ขู่ตอบโต้สหรัฐเช่นกัน หากการเจรจาเพื่อลดอัตราภาษีประสบความล้มเหลว