ดาวโจนส์ดิ่งกว่า 1,500 จุด พิษมาตรการภาษีทรัมป์ทุบตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 7, 2025 20:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 1,500 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น และฉุดเศรษฐกิจโลกให้ประสบภาวะถดถอย

ณ เวลา 20.43 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 36,732.43 จุด ลบ 1,582.43 จุด หรือ 4.13%

ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้น 12% เหนือระดับ 50 ในวันนี้

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) และภาษีศุลกากรพื้นฐาน (baseline tariff) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยภาษีศุลกากรตอบโต้จะแตกต่างกันไปเป็นรายประเทศ นับตั้งแต่ 10-49% โดยขึ้นอยู่กับการตั้งกำแพงภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีของประเทศนั้น ๆ ที่มีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย. ส่วนภาษีศุลกากรพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 10% เท่ากันทุกประเทศ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เม.ย.

รัฐบาลจีนประกาศเรียกเก็บภาษี 34% ต่อสินค้านำเข้าทั้งหมดที่มาจากสหรัฐ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. โดยจีนออกมาตรการดังกล่าวเพื่อตอบโต้ต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ในอัตรา 34% ต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน ซึ่งเมื่อรวมกับมาตรการเรียกเก็บภาษีที่สหรัฐบังคับใช้กับจีนอยู่แล้วที่ระดับ 20% จะทำให้จีนต้องเผชิญกับอัตราภาษีรวมจากสหรัฐสูงถึง 54%

ทางด้านสหภาพยุโรป (EU) ขู่ตอบโต้สหรัฐเช่นกัน หากการเจรจาเพื่อลดอัตราภาษีประสบความล้มเหลว

นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ ระบุเตือนว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจะกระตุ้นราคาสินค้าทั้งภายในประเทศของสหรัฐและสินค้าที่มีการนำเข้า รวมทั้งฉุดเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งได้ชะลอตัวอยู่แล้วในขณะนี้

"ไม่ว่าคุณจะหาเหตุผลที่ชอบธรรมตามกฎหมายในการขึ้นภาษีศุลกากรที่เพิ่งประกาศออกไป แต่ภาษีนี้จะส่งผลกระทบในระยะยาวทั้งดีและไม่ดี รวมทั้งจะมีผลกระทบที่สำคัญในระยะสั้น"

"เรามีแนวโน้มที่จะเห็นผลกระทบด้านเงินเฟ้อ ไม่เพียงแต่จากสินค้านำเข้า แต่มีผลกับราคาสินค้าในประเทศเช่นกัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นต่อผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ"

"ส่วนการที่มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรจะทำให้เศรษฐกิจถดถอยหรือไม่นั้น เราคงต้องดูกันต่อไป แต่มาตรการภาษีนี้จะชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ" นายไดมอนระบุในจดหมายประจำปีถึงผู้ถือหุ้นของธนาคาร

ทั้งนี้ นายไดมอนนับเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารรายแรกของธนาคารในวอลล์สตรีทที่ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผยต่อมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ หลังจากที่มาตรการดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลง และทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐทรุดตัวลงในสัปดาห์ที่แล้วมากที่สุดนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563

นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่า การที่รัฐบาลเวียดนามเสนอที่จะยกเลิกการจัดเก็บภาษีศุลกากรโดยสิ้นเชิงต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ยังคงไม่เพียงพอที่จะทำให้สหรัฐยกเลิกการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 46% ต่อสินค้านำเข้าของเวียดนามที่มีการประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

"การที่เวียดนามมาบอกเราว่าจะยกเลิกภาษีศุลกากรเหลือ 0% สิ่งนี้ไม่มีความหมายสำหรับเรา เพราะเรามองว่า 'การโกงโดยใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร' ต่างหากที่มีความสำคัญ" นายนาวาร์โรกล่าวให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว CNBC

นายนาวาร์โรกล่าวยกตัวอย่าง 'การโกงโดยใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร' ได้แก่ การที่จีนใช้ฐานการผลิตในเวียดนามเพื่อส่งออกสินค้าของตนเอง, การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

อย่างไรก็ดี หลังการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว นายนาวาร์โรได้ปรับถ้อยคำในแถลงการณ์ โดยระบุว่า การที่เวียดนามเสนอยกเลิกภาษีศุลกากรเหลือ 0% "ถือเป็นการดำเนินการเล็กน้อยในเบื้องต้น"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ