ดัชนีดาวโจนส์ร่วงกว่า 400 จุด หลังทำเนียบขาวออกโรงโต้ข่าวปลอมที่ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาที่จะระงับการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ออกไปอีก 90 วัน
ณ เวลา 22.09 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 37,865.07 จุด ลบ 449.79 จุด หรือ 1.17%
ก่อนหน้านี้ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุด หลังมีรายงานในสื่ออ้างคำพูดของนายเควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของทำเนียบขาว ที่ระบุว่า ปธน.ทรัมป์กำลังพิจารณาที่จะระงับการบังคับใช้มาตรการดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงกว่า 400 จุด หลังนางแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ยืนยันว่าข่าวดังกล่าวเป็นข่าวปลอม
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) และภาษีศุลกากรพื้นฐาน (baseline tariff) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยภาษีศุลกากรตอบโต้จะแตกต่างกันไปเป็นรายประเทศ นับตั้งแต่ 10-49% โดยขึ้นอยู่กับการตั้งกำแพงภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีของประเทศต่าง ๆ ที่มีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย. ส่วนภาษีศุลกากรพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 10% เท่ากันทุกประเทศ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เม.ย.
รัฐบาลจีนประกาศเรียกเก็บภาษี 34% ต่อสินค้านำเข้าทั้งหมดที่มาจากสหรัฐ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. โดยจีนออกมาตรการดังกล่าวเพื่อตอบโต้ต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ในอัตรา 34% ต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน ซึ่งเมื่อรวมกับมาตรการเรียกเก็บภาษีที่สหรัฐบังคับใช้กับจีนอยู่แล้วที่ระดับ 20% จะทำให้จีนต้องเผชิญกับอัตราภาษีรวมจากสหรัฐสูงถึง 54%
ทางด้านสหภาพยุโรป (EU) ขู่ตอบโต้สหรัฐเช่นกัน หากการเจรจาเพื่อลดอัตราภาษีประสบความล้มเหลว
นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ ระบุเตือนว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจะกระตุ้นราคาสินค้าทั้งภายในประเทศของสหรัฐและสินค้าที่มีการนำเข้า รวมทั้งฉุดเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งได้ชะลอตัวอยู่แล้วในขณะนี้
ทั้งนี้ นายไดมอนนับเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารรายแรกของธนาคารในวอลล์สตรีทที่ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผยต่อมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ หลังจากที่มาตรการดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลง และทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐทรุดตัวลงในสัปดาห์ที่แล้วมากที่สุดนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563
นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่า การที่รัฐบาลเวียดนามเสนอที่จะยกเลิกการจัดเก็บภาษีศุลกากรโดยสิ้นเชิงต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ยังคงไม่เพียงพอที่จะทำให้สหรัฐยกเลิกการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 46% ต่อสินค้านำเข้าของเวียดนามที่มีการประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
"การที่เวียดนามมาบอกเราว่าจะยกเลิกภาษีศุลกากรเหลือ 0% สิ่งนี้ไม่มีความหมายสำหรับเรา เพราะเรามองว่า 'การโกงโดยใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร' ต่างหากที่มีความสำคัญ" นายนาวาร์โรกล่าวให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว CNBC
นายนาวาร์โรกล่าวยกตัวอย่าง 'การโกงโดยใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร' ได้แก่ การที่จีนใช้ฐานการผลิตในเวียดนามเพื่อส่งออกสินค้าของตนเอง, การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)